28thMarch

28thMarch

28thMarch

 

August 18,2018

ยิ่งสาวยิ่งลึกฝายเก็บน้ำชัยภูมิ สร้างผลาญงบใช้ประโยชน์ไม่ได้

              หลังพบปัญหาฝายเก็บน้ำในพื้นที่ชัยภูมิหลายแห่งพังทลาย ตรวจสอบพบสร้างไม่ได้มาตรฐาน ใช้ประโยชน์ไม่ได้ เหมือนสร้างทิ้ง ทั้งที่เป็นเงินภาษีประชาชน อ้างหน่วยงานรับผิดชอบไม่สนใจ ป.ป.ช.ยกคณะลงพื้นที่ตรวจสอบ เร่งหาทางมอบคุก

              หลังจากเกิดกรณีพบการก่อสร้างฝายเก็บน้ำในพื้นที่อำเภอภักดีชุมพล จังหวัดชัยภูมิ หลายแห่งเกิดรอยร้าว แตกหักพังถล่มลงมาเสียหาย ซึ่งหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบ อาทิ สำนักงานป.ป.ช., คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดชัยภูมิ และ ตัวแทนจากผู้ตรวจการสำนักนายกรัฐมนตรี นำโดยนายสมศักดิ์ พงษ์สุภา รองประธานคณะกรรมการธรรมาภิบาล นายชุมพล ยินดีผล นายอำเภอภักดีชุมพล นายวรวิทย์ นามมหานวล ปลักอาวุโส ตัวแทนผู้นำชุมชนอบต.แหลมทอง ตัวแทนผู้รับเหมางานก่อสร้างฝาย จาก หจก.ทรัพย์ประเทือง คือนายประยุทธ์ น้องระแวง นายสรธร  ชาติสุภาพ นายช่างโยธา และนายณัฐติพงษ์ วันทวี นายกอบต.วังทอง พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่นำคณะตรวจสอบ และชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้น ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. และคณะกรรมการธรรมาภิบาล ตัวแทนผู้ตรวจการสำนักนายกรัฐมนตรี หลังที่พบเกิดรอยร้าวจนฝายใกล้แตก ที่บริเวณฝาย ๑ แห่ง ในช่วงหมู่บ้านซับไทรทอง หมู่ ๘ ต.แหลมทอง ในเขตอำเภอภักดีชุมพล ที่ก่อสร้างขนาดความกว้างสันฝาย ๖ เมตร ยาวกว่า ๓๕ เมตร ใช้งบประมาณที่ตั้งไว้เบื้องต้นรวมกว่า ๑.๙ ล้านบาท แต่มีการเปิดประมูลราคาลดเหลือ ๑.๔ ล้านบาท ทั้งนี้ หลังจากก่อสร้างได้ไม่ถึงปี และมีการตรวจรับส่งมอบงานเสร็จสิ้นมาตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ กลับถูกน้ำป่าซัดผ่านเข้ามา เกิดชำรุดมีรอยร้าวเสียหายตามมาจำนวนมาก และไม่สามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ยามหน้าแล้งนี้ได้  

              โดยหน่วยงานผู้รับจ้างงานก่อสร้างฝายในจุดนี้อ้างว่า การก่อสร้างมีการเปลี่ยนแบบเพิ่ม เพราะชาวบ้านต้องการให้ทำสันฝาย ใช้เป็นถนน เพื่อขนพืชผลการเกษตรผ่านออกเข้าในพื้นที่ไร่นาในพื้นที่ใกล้เคียงให้สะดวกขึ้น และในส่วนตัวภายในฝายที่ก่อสร้างนี้ก็ต้องทำตามงบประมาณที่จำกัด และไม่มีงบที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มในเรื่องการจ้างบดอัดดินก่อเทปูนควบสันฝายได้ จึงถูกน้ำกัดเซาะด้านข้างฝายเข้ามาจนทำให้หลังฝายเกิดรอยร้าวแตกหลายแห่ง และทรุดตัวลงครั้งนี้

              ทั้งนี้ ยังมีการกล่าวอ้างอีกว่า จากนี้จะทดลองซ่อมแซมดูว่า ควรจะเพิ่มเติมอย่างไรเพื่อให้ฝายแห่งนี้กลับมาใช้เก็บน้ำได้บ้าง  แต่ในระหว่างนี้ต้องปิดตายฝายไว้ก่อน ห้ามไม่ให้รถวิ่งผ่านสันฝาย เพราะอาจเสี่ยงเกิดรับน้ำหนักไม่ไหวถล่มลงมาได้ รวมทั้งได้ขอเปิดทางน้ำที่ลงมาจากเขาทั้ง ๒ ด้านให้ผ่านอ้อมลงไปทางอื่นก่อน เพื่อไม่ให้น้ำไหลผ่านตัวฝายจุดนี้ในช่วงนี้ไปก่อน จนกว่าจะหาทางซ่อมแซมฝายในจุดนี้ได้

              นอกจากนี้ นายอำเภอภักดีชุมพล กล่าวว่า ในส่วนของผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเกษตรกรในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายที่คาดว่ากว่า ๒๐๐-๓๐๐ ไร่ในพื้นที่ ก็จะเสนอขอเงินช่วยเยียวยาเพิ่มเติมเพื่อจ่ายให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างฝายครั้งนี้ด้วย 

              อย่างไรก็ตาม ยังมีการตรวจพบฝายอีก ๑ แห่ง เกิดแตกเสียหายใช้การไม่ได้อีก ซึ่งอยู่ในเขตหมู่บ้านซับชมพู ต.วังทอง อ.ภักดีชุมพล ที่ก่อสร้างเสร็จมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐ ซึ่งก่อสร้างโดยกรมทรัพยากรน้ำ จ.ขอนแก่น เกิดพังถล่มแตกเสียหายทั้งหมดเมื่อช่วงเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ ระหว่างที่มีน้ำผ่านเข้าตัวฝายและไม่สามารถเก็บกักน้ำในจุดนี้ไว้ได้ มูลค่าการก่อสร้างในจุดนี้รวมกว่า ๓ ล้านบาท

              ในเรื่องนี้ทางอำเภอ และอบต.วังทอง โดยนายชุมพล ยินดีผล นายอำเภอภักดีชุมพล และนายณัฐติพงษ์ วันทวี นายก อบต.วังทอง ได้มีหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการสร้างฝายในจุดนี้ตลอดช่วงที่ผ่านมา คือกรมทรัพยากรน้ำ จ.ขอนแก่น มาแล้วรวม ๓ ครั้ง ถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการเข้ามาดำเนินการรับผิดชอบในจุดนี้ ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่เกิน ๒ เดือนจากนี้ไป ก็จะหมดสัญญาค้ำประกันกับผู้รับเหมาการก่อสร้างแล้ว ก็ยิ่งจะทำให้รัฐเสียงบประมาณซึ่งเป็นเงินภาษีแผ่นดินของประเทศในจุดนี้โดยไม่เกิดประโยชน์

              ทั้งนี้ คณะกรรมการตรวจสอบฝายร้าว และแตกพังถล่มทั้ง ๒ แห่งที่ลงพื้นที่ตรวจสอบในครั้งนี้ ต่างต้องพากันพูดไม่ออกว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในเรื่องการออกแบบ การก่อสร้างฝายในพื้นที่ที่รู้ดีว่าสร้างไม่ได้มาตรฐาน เมื่อสร้างเสร็จแล้วก็เสี่ยงที่จะไม่สามารถใช้งานได้ รู้อยู่แล้วว่าสร้างแล้วไม่เกิดประโยชน์ แต่ต้องทำตามงบประมาณที่มีจำกัดไปให้ได้ก่อนเท่านั้น และกลายเป็นการทำเพื่อละลายงบประมาณทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ รวมทั้งหน่วยงานโดยเฉพาะโครงการของกรมทรัพยากรน้ำ ที่อนุมัติงบลงมาก่อสร้างฝายในพื้นที่จ.ชัยภูมิ แต่กลับแตกพังเสียหายและบางแห่งยังใช้การไม่ได้ ก็ยังทำเป็นเงียบ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปล่อยให้งบประมาณแผ่นดินสูญทิ้งไป ทั้งที่เป็นเงินภาษีของคนไทยทั่วประเทศ จึงอยากให้รัฐบาล พลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งดำเนินการตรวจสอบในเรื่องนี้ให้เด็ดขาดด้วย

 

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๔ ฉบับที่ ๒๕๒๑ วันพฤหัสบดีที่  ๑๖ - วันจันทร์ที่  ๒๐  เดือนสิงหาคม  พุทธศักราช ๒๕๖๑

 

790 1422