May 02,2019
เตรียมจัด‘กัญชาโลก’ที่มทส. หมอแหยง’ย้ำสรรพคุณเลิศ ยืนยันรักษาได้กว่า ๒๐ โรค
“หมอแหยง” จัดงานให้ความรู้เรื่องกัญชา ในโครงการ “แนวทางการดำเนินงานกัญชาในโคราช ครั้งที่ ๒” มีประชาชนสนใจเข้าร่วมกว่า ๑,๐๐๐ คน เผยกัญชามีประโยชน์มากกว่าโทษ สามารถใช้รักษาผู้ป่วยได้มากกว่า ๒๐ โรค ลั่นเตรียมจัดงาน “วันกัญชาโลก” ที่มทส. ด้าน ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว ยันกัญชารักษาได้จริง
เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๒ เวลา ๐๙.๐๐ น. ที่โรงแรมเฮอร์มิเทจ นายแพทย์สำเริง แหยงกระโทก อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา และประธานยุทธศาสตร์จังหวัดนครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน เขต ๙ กลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ เป็นประธานเปิดโครงการ “แนวทางการดำเนินงานกัญชาในโคราช ครั้งที่ ๒” โดยมีบุคลากรสาธารณสุข แพทย์พื้นบ้าน ผู้แทนวิสาหกิจชุมชนและประชาชน กว่า ๑,๐๐๐ คน รับฟังการบรรยายให้ความรู้ “แพทย์พื้นบ้านในการรักษาโรคด้วยกัญชา” โดยนายแพทย์ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ ผู้อำนวยการกองแพทย์พื้นบ้านและแพทย์ทางเลือกกระทรวงสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคง ชี้แจงแนวทางการรับแจ้งการครอบครองกัญชาตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ ๗ พ.ศ.๒๕๖๒ จากนั้นเป็นการสรุปแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับงานกัญชาในโคราช พร้อมเปิดอภิปรายทั่วไปและซักถาม
แจกแจงลักษณะ ‘กัญชา’
นายแพทย์ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ ผู้อำนวยการกองแพทย์พื้นบ้านและแพทย์ทางเลือกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า “กัญชาเป็นพืชล้มลุกจำพวกหญ้าขึ้นได้ง่ายในเขตร้อน ลำต้นสูงประมาณ ๒-๔ ฟุต ลักษณะใบจะแยกออกเป็นแฉกประมาณ ๕-๘ แฉก คล้ายใบมันสำปะหลังที่ขอบใบทุกใบจะมีรอยหยักอยู่เป็นระยะๆ ออกดอกเป็นช่อเล็กๆ ตามง่ามของกิ่งและก้าน ส่วนที่คนนำมาเสพได้แก่ส่วนของกิ่ง ก้าน ใบ และยอดช่อดอกกัญชา โดยนำมาตากหรืออบแห้ง แล้วบดหรือหั่นให้เป็นผงหยาบๆ จากนั้นจึงนำมายัดไส้บุหรี่สูบ แตกต่างจากบุหรี่ทั่วไปที่ไส้บุหรี่จะมีสีเขียว ต่างจากไส้ยาสูบที่มีสีน้ำตาล และขณะจุดสูบจะมีกลิ่นเหมือนหญ้าแห้งไหม้ไฟ หรืออาจสูบด้วยกล้องหรือบ้องกัญชา บ้างก็ใช้เคี้ยวหรือผสมลงในอาหารรับประทาน ปัจจุบันรูปแบบของกัญชาที่พบ นอกจากจะพบในลักษณะของกัญชาสด กัญชาแห้งอัดเป็นแท่งเป็นก้อนแล้ว ยังอาจพบในรูปของ “น้ำมันกัญชา” (Hashish Oil) ซึ่งมีลักษณะเป็นของเหลวสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ ได้จากการนำกัญชามาผ่านกระบวนการสกัดหลายๆ ครั้ง จึงได้เป็นน้ำมันกัญชาที่มีปริมาณสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทสูงถึง ๒๐-๖๐% หรืออาจพบในลักษณะของ “ยางกัญชา” (Hashish) เป็นยางแห้งที่ได้จากใบ และยอดช่อดอกกัญชา ซึ่งโดยทั่วไปจะมีฤทธิ์แรงกว่ากัญชาสด และมีปริมาณสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ประมาณ ๔-๘%”
โทษจากกัญชา
นายแพทย์ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ กล่าวอีกว่า “กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษ ที่ออกฤทธิ์หลายอย่างต่อระบบประสาทส่วนกลาง คือ ทั้งกระตุ้นประสาท กดและหลอนประสาท สารออกฤทธิ์ที่อยู่ในกัญชามีหลายชนิด แต่สารที่สำคัญที่สุดมีฤทธิ์ต่อสมองและทำให้ร่างกาย อารมณ์ และจิตใจเปลี่ยนแปลงไป คือ เตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol) หรือ THC ที่มีอยู่มากในส่วนของยอดช่อดอกกัญชา สาร THC นี้ในเบื้องต้นจะออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท ทำให้ผู้เสพตื่นเต้น ช่างพูด และหัวเราะตลอดเวลา ต่อมาจะกดประสาท ทำให้ผู้เสพมีอาการคล้ายเมาเหล้าอย่างอ่อนๆ เซื่องซึม และง่วงนอน หากเสพเข้าไปใน ปริมาณมากๆ จะหลอนประสาททำให้เห็นภาพลวงตา หูแว่ว ความคิดสับสน ควบคุมตนเองไม่ได้ มีโทษทางกฎหมาย โดยจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท ๕ ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ สรุปข้อหาและบทลงโทษดังนี้ ผลิต นำเข้า และส่งออกจำหน่ายหรือครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกตั้งแต่ ๒ ปี ถึง ๑๕ ปี และปรับตั้งแต่ ๒ หมื่นบาทถึง ๑ แสน ๕ หมื่นบาท ครอบครอง จำคุกไม่เกิน ๕ ปี และปรับไม่เกิน ๕ หมื่นบาท หากเป็นพืชกระท่อมต้องจำคุกไม่เกิน ๒ ปี หรือปรับไม่เกิน ๑ ปี และปรับไม่เกิน ๑หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (กรณีมียาเสพ-ติดให้โทษในประเภทที่ ๕ ตั้งแต่ ๑๐ กิโลกรัมขึ้นไป ถือว่าเป็นการครอบครองเพื่อจำหน่าย) เสพ จำคุกตั้งแต่ ๑ ปี และปรับไม่เกิน ๑ แสนบาทหากเป็นพืชกระท่อมต้องจำคุกไม่เกิน ๑ เดือน หรือปรับไม่เกิน ๑ พันบาท”
ใช้กัญชารักษาโรค
“ในกัญชามีสารออกฤทธิ์สำคัญ ๒ ชนิด ที่สามารถนำมาใช้บำบัดหรือรักษาโรค ได้แก่ สาร CBD (Cannabidiol) ที่มีคุณสมบัติลดอาการเจ็บปวด ลดการอักเสบของแผล ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ลดอาการชักเกร็ง และลดอาการคลื่นไส้ และสาร THC (Tetrahydrocannabinol) ที่มีคุณสมบัติต่อจิตประสาท ทำให้เกิดความผ่อนคลาย และเคลิบเคลิ้ม หากได้รับในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยลดอาการตึงเครียดได้ นอกจากนี้ยังมีรายงานการใช้กัญชาในรูปแบบสเปรย์เพื่อรักษาโรคหอบหืดอีกด้วย ปัจจุบันนี้มีหลายประเทศทั่วโลกที่อนุญาตให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ได้อย่างถูกกฎหมาย ได้แก่ ออสเตรเลีย กำหนดให้การใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ถูกกฎหมาย ตั้งแต่ปี ๒๐๑๖ สหราชอาณาจักร มีการอนุญาตให้ใช้กัญชาในทางการแพทย์ได้แล้วตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๐๑๘ ในเกาหลีใต้ มีการอนุญาตให้ใช้กัญชาในทางการแพทย์ได้แต่มีการควบคุมอย่างเคร่งครัด เลโซโท ประเทศแรกในทวีปแอฟริกาที่อนุญาตให้มีการเพาะปลูกกัญชาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ได้อย่างถูกกฎหมาย สหรัฐอเมริกา อนุญาตให้ใช้กัญชาในทางการแพทย์ได้แล้วทั้งหมด ๓๓ จากทั้งหมด ๕๐ รัฐ รัฐบาลอุรุกวัย ได้อนุญาตให้มีการขายกัญชาเพื่อสันทนาการตามร้านขายยาได้อย่างถูกกฎหมายเป็นชาติแรกในโลก หลังผ่านกฎหมายเสพกัญชาอย่างถูกฎหมายมาตั้งเเต่ปี ๒๐๑๗ ส่วนในประเทศไทย ได้มีการเผยแพร่พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ ๗ พ.ศ. ๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๘ ก.พ. ๒๕๖๒ ที่ระบุให้กัญชาสามารถนำมาใช้ในทางการแพทย์เพื่อรักษาโรคได้ แต่ต้องพัฒนาสายพันธุ์ให้เหมาะสมกับการนำมาใช้รักษาโรค แต่ทั้งนี้ กัญชายังคงเป็นยาเสพติดผิดให้โทษตามกฎหมายเช่นเดิม แม้กัญชาจะใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ได้ แต่ก็ต้องมีการควบคุมปริมาณให้เหมาะสม เพราะถ้าหากใช้ในปริมาณมากเกิน จะทำให้ความคิดเลื่อนลอยสับสน ควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม ความจำเสื่อม กล้ามเนื้อลีบ หัวใจเต้นเร็ว หูแว่ว เป็นต้น” นายแพทย์ขวัญชัย กล่าว
กัญชามีประโยชน์
นายแพทย์สำเริง แหยงกระโทก หรือ “หมอแหยง” เปิดเผยว่า “การจัดงานในวันนี้ เนื่องจากกัญชาได้มีการปลดล็อกทางการแพทย์ และมีการเผยแพร่ไปว่า จะต้องลงทะเบียนให้เป็นรูปธรรมก่อนวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เพื่อจะขอนิรโทษกรรมทางกฎหมาย ซึ่งในประเทศไทยมีผู้ป่วยที่ต้องการกัญชาในการรักษาโรคประมาณ ๘-๙ แสนราย ในโคราชประมาณ ๘ หมื่นราย แต่คนเหล่านี้ไม่รู้วิธีที่จะขอครอบครอง และวิธีปลูก ดังนั้น ผมในฐานะแพทย์ สมาชิกพรรคการเมืองที่มีนโยบายเรื่องกัญชา และเอกชน ที่มีความตั้งใจในเรื่องนี้ จึงได้รวบรวมเครือข่ายกัญชาในโคราช เพื่อมาเรียนรู้เรื่องกัญชาว่า การขอปลูกและขอครอบครองต้องทำอย่างไร หลังจากนั้นเราก็จะมาหาข้อสรุป แล้วจึงเดินหน้าต่อ”
“สำหรับเสียงตอบรับในวันนี้ ถือว่าเกินคาดมากๆ เพราะมียอดผู้ที่จะมาร่วมงานเพียง ๓๐๐ คนเท่านั้น แต่เมื่อถึงเวลางาน กลับมีประชาชนให้ความสนใจกว่า ๑,๐๐๐ คน ถือว่าเป็นการตอบรับที่ดี แสดงว่าประชาชนให้ความสนใจเรื่องนี้มาก ดังนั้นเราจึงต้องมุ่งหน้าให้ความรู้ด้านกฎหมาย ประโยชน์และโทษของกัญชา เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด ซึ่งเมื่อก่อนกัญชาถูกฝรั่งบรรยายไว้ว่า กัญชาเป็นยาเสพติด แต่ในปัจจุบัน ทั่วโลกต่างให้การยอมรับในทางการแพทย์แล้ว ดังนั้นต้องการให้ประชาชนเข้าใจว่า กัญชาไม่ใช่ยาเสพติดที่ให้โทษ ในทางการแพทย์สามารถรักษาโรคได้กว่า ๒๐ โรคด้วยกัน แต่ก็ไม่ควรใช้มากจนเสพติด จะได้ไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ส่วนในอนาคต เราจะต้องเปิดอภิปราย ถามประชาชนว่า จะยอมให้กัญชาเป็นพืชเสรีหรือไม่ หากเปิดเสรีก็จะต้องมีข้อบังคับต่างๆ ซึ่งทางหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและคณะ จริงจังกับเรื่องกัญชาเป็นอย่างมาก โดยล่าสุดเราได้ไปคุยกับสถาบันการศึกษาต่างๆ เช่น มทส. ราชภัฏโคราช ว่า ในอนาคตเราจะมาจัดงานกัญชาโลกที่ มทส.แน่นอน” หมอแหยง กล่าว
นายสมชัย เจริญรบ ประธานสภากัญชาโคราช กล่าวว่า “บทสรุปจากการวิจัยทางการแพทย์ทั่วโลก การันตีพืชกัญชาสามารถรักษาโรคได้และทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น สภากัญชาโคราชจึงจัดกิจกรรมครั้งที่ ๒ เพื่อปรับทัศนคติกลุ่มโลกสวยที่ไม่เปิดรับการใช้กัญชาเป็นทางเลือกในการรักษาโรครวมทั้งให้ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการใช้กัญชามากขึ้นและสร้างความร่วมมือของภาคีเครือข่ายร่วมขับเคลื่อนผลักดันแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับกัญชา ตั้งแต่การปลูก การผลิต การนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด”
นายพากเพียร ตะเคียนศก อายุ ๓๙ ปี ผู้ช่วยลุงตู้ มูลนิธิพรรคเขียว ผู้บุกเบิกการใช้สารสกัดจากกัญชารักษาโรคมะเร็ง กล่าวว่า “บรรยากาศวันนี้มีผู้สนใจมาร่วมกิจกรรมกันอย่างคึกคัก ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี สังคมได้เปิดรับกัญชามากขึ้น ตนมีประสบการณ์ใช้กัญชารักษาการติดเชื้อ HIV เป็นเวลาร่วม ๒๐ ปี สามารถมีภรรยาและลูกโดยไม่ติดเชื้อแต่อย่างใด จึงค้นคว้าเรียนรู้ขั้นตอนการสกัดน้ำมันกัญชา เพื่อเป็นวิทยาทานนำมาใช้รักษาโรคอย่างเป็นรูปธรรม”
กัญชารักษามะเร็ง
ร.ต.ท.อนุสรณ์ วรรณโชติ รองสารวัตรจราจร สภ.เมืองนครราชสีมา กล่าวว่า “ตนเป็นตัวอย่างผู้ป่วยที่ใช้กัญชารักษาโรค เมื่อ ๒ ปีที่ผ่านมา ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเข้ารับการรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันมาทุกขนาน ทั้งให้เคมีบำบัดตามข้อกำหนดและรับประทานอาหารชีวจิต แต่ผลการรักษาไม่ดีขึ้น น้ำหนักตัวลดจาก ๖๑ กิโลกรัม เหลือ ๕๑ กิโลกรัม แพทย์ที่รักษาบอกให้เตรียมตัวเตรียมใจและจองเมรุไว้ แต่เมื่อประมาณ ๖ เดือนที่ผ่านมา เพื่อนสนิทได้นำน้ำมันกัญชามาหยอดใต้ลิ้นครั้งละ ๑-๒ หยด วันละ ๒ ครั้ง เช้าและก่อนนอน ตนเป็นผู้ป่วยสิ้นหวังในการรักษา นอนติดเตียงกินไม่ได้นอนไม่หลับ รวมทั้งปวดตามร่างกาย ได้ทดลองทำตามที่เพื่อนแนะนำ สามารถกินได้นอนหลับลึก อาการปวดหายเป็นปลิดทิ้ง ขณะนี้น้ำหนักได้กลับขึ้นมาเหมือนเดิมและสามารถเดินออกกำลังกายได้ รวมทั้งค่าเลือดกลับมาเป็นปกติ จึงอยากวิงวอนให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศใช้ ม.๔๔ ปลดล็อกข้อกฎหมายเกี่ยวกับพืชกัญชาด้วย”
ปีที่ ๔๔ ฉบับที่ ๒๕๖๙ วันพุธที่ ๑ - วันอาทิตย์ที่ ๕ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒
874 1,582