29thMarch

29thMarch

29thMarch

 

June 28,2019

สุรินทร์‘ปลดล็อกกัญชา’ หวังรัฐบาลใหม่ดันถูกกฎหมาย

ภาครัฐ และเอกชนในโคราชและสุรินทร์ จัดประชุมเชิงวิชาการ “กัญชาทางการแพทย์” เพื่อสร้างความตระหนักรู้การใช้กัญชาทางการแพทย์ ขณะที่ประธานสภาเกษตรกรฯ หวังรัฐบาลใหม่ออกกฎหมายให้กัญชาเป็นพืชทางการแพทย์ถูกกฎหมาย

เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๒ ที่ห้องประชุมชมพูพันธุ์ อาคารเรียนรวมคณะเทคโนโลยีการจัดการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (มทร.อีสาน) วิทยาเขตสุรินทร์ หลายหน่วยงานประกอบด้วยสภาเกษตรกรจังหวัดสุรินทร์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ โรงพยาบาลสุรินทร์ มหาวิทยาลัยรังสิต บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีสุรินทร์ จำกัด ศูนย์สมุนไพรตะบัลไพรสุรินทร์ หอการค้าจังหวัดสุรินทร์ และมทร. อีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ จัดประชุมเชิงวิชาการกัญชาทางการแพทย์เพื่อคนสุรินทร์ เพื่อนำเสนอข้อมูลและความก้าวหน้าทางวิชาการ เกี่ยวกับการนำ“กัญชา”มาใช้ร่วมกับการแพทย์แบบบูรณาการ

โดยมีนายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เป็นประธานในการเปิดการประชุมทางวิชาการ กัญชาทางการแพทย์เพื่อชาวสุรินทร์ และเป็นวิทยากรในการสัมมนาในครั้งนี้ด้วย ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนชาวจังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดต่างๆ เข้าร่วมรับฟัง และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในครั้งนี้กว่า ๑,๐๐๐  คน การจัดการประชุมในครั้งนี้ เป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการวิจัยระหว่างหน่วยงานทางการแพทย์กับมหาวิทยาลัย ซึ่งในเวทีดังกล่าวได้มีการบรรยายนำเสนอข้อมูลหลากหลายประเด็น ได้แก่ การสกัดและกลั่นน้ำมันกัญชา ประสบการณ์การใช้น้ำมันกัญชาสายพันธุ์ การเพาะปลูกแบบเปิดเพื่อเปิดโอกาสของเกษตรต่อการปลูกกัญชา ความเป็นจริงของชีวิตกับการใช้กัญชาทางการแพทย์ จิตแพทย์กับการใช้กัญชาทางการแพทย์ และความรู้ความเข้าใจกัญชากับการรักษาทางการแพทย์ในชีวิตประจำวัน และการรู้เท่าทันกัญชา เป็นต้น

ทั้งนี้คณะวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย นายแพทย์สมยศ กิตติมั่นคง บรรยายการเรียนรู้ รู้ทันกัญชา, ดร.อนันต์ชัย  อัศวเมฆิน ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล บรรยายกัญชาที่ทุกคนควรทราบ, นายสุเทพ  เลาหะวัฒนะ ผู้มีประสบการณ์ตรงจากการใช้กัญชา และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อ.จากมหาวิทยาลัยรังสิต บรรยายสุริยันกัญชา อัมฤตย์โอสถแห่งความหวัง นายศรัณพงษ์ ฟุ้งเกียรติ ผอ.สำนักกิจการสภาและวิชาการสำนักงานสภาการเกษตรแห่งชาติ ดร.วิชิต นันทวรวัน ผุ้เชียวชาญด้านการจัดการจัดทำนโยบายสภาการเกษตร

นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวว่า ชาวจังหวัดสุรินทร์เข้มแข็งมาก รวมทีมกันทุกภาคจัดงานนี้ขึ้นมา ประชาชนเองก็ตื่นตัวกันมาก ต้องขอขอบคุณโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ ที่เอื้อเฟื้อสถานที่จัดงาน เรื่องกัญชารักษาโรค ซึ่งคนไทยรับทราบกันแล้วว่า มีสรรพคุณทางยาจริงๆ ส่วนเรื่องการใช้ผิดประเภทใช้ไม่ถูกต้องเป็นอีกหนึ่งประเด็นอย่าเอามาปนกัน บางคนใช้เยอะเกินไปทำให้เกิดอาการมึนเมาเข้าโรงพยาบาล และมาโจมตีกันว่ากัญชาเป็นโทษ เป็นข้อมูลด้านลบไม่เป็นธรรมมาก วิธีการคือ ใช้ให้ถูกต้อง และศึกษาก่อน การใช้กัญชารักษาโรคสามารถใช้ได้ดีในหลายโรค เช่น โรคเกี่ยวกับระบบสมอง โรคระงับความปวดใช้งานได้ดี โรคนอนไม่หลับ โรคพาร์กินสัน และยังมีอีกหลายโรคมาก วันนี้ก็ได้มีโอกาสทำความเข้าใจกับแกนนำทั้งหลายที่จัดงานนี้ขึ้นมา เรื่องขั้นตอนการขออนุญาต ขณะนี้ยังไม่ได้มีการอนุญาตให้ประชาชนปลูก ทางเราเองก็ต้องมีการเตรียมความพร้อมให้ดี ตนเชื่อว่าการเมืองหลังจากได้รัฐบาลใหม่แล้ว ได้รัฐมนตรีใหม่แล้ว โดยเฉพาะได้ท่านอนุทิน ชาญวีรกูล ท่านได้ดูแลกระทรวงสาธารสุขจริงๆ

นายประพัฒน์ กล่าวอีกว่า “ตนเชื่อมั่นได้ว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอย่างมาก พวกเราทุกคนรอกันอยู่อย่างมีความหวัง และหวังว่านายอนุทินจะไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะทุกคนมีความหวังกับท่านมาก และช่วยกรุณาแก้ไขกฎกระทรวงแก้ไขระเบียบ ที่ไม่ค่อยเหมาะสมปฏิบัติยาก ประชาชนเข้าถึงได้ยาก เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนใหญ่ แก้ให้ผ่อนปรนให้มากกว่านี้ ให้ประชาชนใช้ประโยชน์ได้มากกว่านี้ ที่ผ่านมามีเพียงส่วนราชการเท่านั้นเองที่ใช้ประโยชน์ได้ ผลิตได้ ปลูกได้ ประชาชนยากมาก ขอวิงวอนรัฐมนตรีท่านใหม่กรุณาปรับปรุงแก้ไขด้วย ส่วนประชาชนจะปลูกได้เมื่อไหร่นั้น ตอนนี้กำลังรอดูอยู่ว่าพรรคภูมิใจไทย ที่จะดูแลเรื่องนี้ในรัฐบาลหน้า จะนัดเจอกันเมื่อไหร่ เพราะตนส่งข่าวไปแล้วว่าจะคุยด้วย ซึ่งตนก็รออยู่ ตอนนี้กัญชาก็ยังผิดกฎหมายอยู่ ทำให้ไม่มีใครกล้าออกมาเปิดเผยในความสามารถที่อยากจะทำ ข้าราชการเองก็ไม่กล้าพูดเพราะเกรงว่าจะมีความผิดทั้งที่จริงอยากพูดมาก ทางเราเองเวลาขึ้นเวทีแสดงความคิดเห็นก็ต้องระมัดระวังมาก ในหลายประเด็นก็อยากจะบอกประชาชนว่าอะไรดีไม่ดี แต่บางเรื่องก็กลัวไปละเมิดกฎหมาย เพราะว่ากัญชายังเป็นยาเสพติดประเภท ๕ อยู่ ยังมีโทษจำโทษปรับอยู่ จึงทำให้ประชาชนและพวกเราทุกคนทำงานลำบากมาก ก็ขออนุญาตฝากประเด็นตรงนี้ไว้กับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ด้วย”

ด้านจังหวัดนครราชสีมา เมื่อเวลา ๑๒.๐๐ น. วันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๒ ที่บริเวณริมถนนสืบศิริ เขตเทศบาลนคร ( ทน.) นครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา  ร.ต.ท.ธงชัย  โพธิ์งาม หรือดาบแจ้ ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรไทยทุ่งทะเลโคราช มอบหมายให้คณะผู้ประสานงานด้านจัดสถานที่ ติดป้ายไวนิลประชาสัมพันธ์ งานฟรี “คอนเสิร์ตกัญชาไทยสู่กัญชาโลก”  มีข้อความระบุว่า “คอนเสิร์ตกัญชาไทยสู่กัญชาโลก งานนี้มีแต่รอยยิ้มและสันติภาพ ห้ามทะเลาะวิวาท ผู้ใดฝ่าฝืนต้องถูกดำเนินคดีเด็ดขาด พร้อมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายจัดงานและค่าเสียหายทั้งหมด” ขณะที่กำลังดำเนินการข้อความดังกล่าวสะดุดตาและเป็นที่สนใจของประชาชน รวมทั้งชาวต่างชาติได้เข้ามาขอร่วมถ่ายภาพกับป้ายข้อความอย่างชื่นมื่น

ร.ต.ท.ธงชัยฯ หรือดาบแจ้ ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรไทยทุ่งทะเลโคราช เปิดเผยว่า “ต้องการกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวและรับทราบว่ากัญชาคือพืชเศรษฐกิจในอนาคตรวมทั้งยังเป็นตัวแทนสันติภาพ กลุ่มบุคคล หรือวัยรุ่นที่ประสงค์เข้าร่วมงาน ต้องมีแนวคิดที่ตรงกันร่วมกันผลักดันพืชสมุนไพรของไทยให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องการให้เกิดเรื่องทะเลาะวิวาท ชกต่อยกันจนต้องเดือดร้อนสังคมและเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆที่ต้องเข้าไปควบคุมดูแล หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ต้องรับผิดชอบเสียค่า ใช้จ่ายในการดำเนินงานทุกอย่าง เช่น ค่าจัดเวที, ค่าตอบแทนวิทยากร ศิลปิน, ค่าเสียหายต่างๆที่ได้รับผลกระทบ ดังนั้นคณะผู้จัดงานหวังให้ผู้เข้าร่วมงานทุกคนมีแต่รอยยิ้มพร้อมรับความรู้เกี่ยวกับพืชสมุนไพร”

สำหรับงานฟรี “คอนเสิร์ตกัญชาไทยสู่กัญชาโลก” วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๒ ใช้สถานที่ตลาดกลางรวบรวมผลผลิตสหกรณ์การเกษตรปากช่อง ถนนมิตรภาพ (แยกบายพาสหนองสาหร่าย) ตำบลหนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาเริ่มงานตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ น. กิจกรรมภาคเช้า ร่วมลงชื่อสนับสนุนการแก้กฎหมายปลดล็อกกัญชาไทย รับฟังแนวทางการพัฒนา และการขับเคลื่อนกัญชาเมืองโคราชสู่กัญชาโลก การจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนเพื่อสิทธิ์ในการปลูก กัญชาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เทคนิควิธีการปลูกกัญชาให้ประสบผลสำเร็จ ทิศทางและแนวทางการตลาดกัญชาไทยในตลาดโลก รับฟังประสบการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่อยู่แถวหน้าของเมืองไทย ที่ใช้สารสกัดกัญชา บำบัดและรักษาโรค โดย น.อ. พิเศษแพทย์หญิงจินตนา มโนรมย์ภัทร และ นายแพทย์สมยศ กิตติมั่นคง สองแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รับฟังประสบการณ์ตรง ของผู้ป่วยเฉียดตายจาก โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม โรคสะเก็ดเงิน ฯลฯ ส่วนกิจกรรมภาคบ่าย การแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินเพื่อชีวิตชื่อดัง และมหกรรมช้อปปิ้งสินค้าผลิตสมุนไพรไทย (ที่ถูกกฎหมาย) ผลิตผลทางการเกษตร เพื่อรณรงค์รวบรวมรายชื่อประชาชนเสนอกฎหมายปลดล็อกกัญชาไทย ให้ความรู้กัญชาไทยกับการรักษาโรค การแชร์ประสบการณ์ผู้ป่วยและแพทย์ผู้รักษา ส่งเสริมการก่อตั้งวิสาหกิจชุมชนเพื่อรองรับการปลูกกัญชาตามที่กฎหมายกำหนด ส่งเสริมและพัฒนากัญชาไทยสู่กัญชาโลก จัดกองทุนสนับสนุนผู้ป่วยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และจัดตั้งกองทุนขับเคลื่อนพัฒนากัญชาไทยสู่ กัญชาโลก

สำหรับกัญชาในประเทศไทยมีการควบคุมพืชกัญชาอย่างเข้มงวดตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดหลายฉบับ โดยพ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ประกาศให้กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท ๕ และสารสำคัญในกัญชาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทคือ THC (Tetrahydrocannabinol) ถูกควบคุมเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท ๑ ตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.๒๕๕๙ ส่งผลให้กัญชาสามารถขออนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือครอบครองใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดต่อมามีการปลดล็อกกัญชาใช้ในทางการแพทย์กับผู้ป่วย ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยอาจขออนุญาตได้ทั้งการครอบครอง และเสพได้ตามคำสั่งแพทย์ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สามารถประกาศกำหนดเขตพื้นที่เพื่อทดลองเพาะปลูก ผลิตและทดสอบ หรือเสพ หรือครอบครอง ยาเสพติดได้ (มาตรา ๒๖/๖) และสามารถอนุญาตเกี่ยวกับการผลิต ทดสอบ กัญชาเพื่อการศึกษาวิจัยทั้งทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ และการอุตสาหกรรม โดยอนุญาตให้สามารถผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย เสพหรือครอบครองได้ (มาตรา ๒๖/๒)

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๔ ฉบับที่ ๒๕๘๐วันพุธที่ ๒๖-วันอาทิตย์ที่ ๓๐ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๒

 


785 1419