11thOctober

11thOctober

11thOctober

 

July 27,2019

ความตายไม่ใช่ทางออกของปัญหา บทพิสูจน์ของสาวยาคูลท์สูงวัย “ป้าโอ่ง” สิริกัญญา น้อยโพนทัน

หนทางของชีวิตไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ที่สุดแล้วทุกคนก็ต้องวนกลับมาที่จุดจบเดียวกัน...“ความตาย” นี่เป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครบนโลกก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ก็มีผู้คนอีกไม่น้อยที่ต้องพบกับความผิดหวัง กับสิ่งที่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ แต่ก็ยังไม่ได้อะไรกลับมา จนต้องทนทุกข์และบอบช้ำให้กับความผิดหวัง กระทั่งสุดท้ายก็คิดว่า “ความตายคือทางออกของปัญหา” 
“สิริกัญญา น้อยโพนทัน” หรือ “ป้าโอ่ง” สาวร้อยเอ็ดนักสู้ชีวิต วัย ๕๑ ปี ผู้ที่เคยผ่าน “จุดต่ำสุดของชีวิต” มาแล้ว หากวันนั้นเธอไม่ได้เห็น “ใบหน้าใสใสของลูกชายและมารดา” พุ่งเข้ามาในสมอง วันนี้ผมคงไม่มีโอกาสได้มานั่งฟังเรื่องราวของคนสู้ชีวิตอย่างเธอ

• ชีวิตที่สดใสรออยู่

ชีวิต“ป้าโอ่ง” เริ่มต้นขึ้นหลังเรียนจบ ปวช.ด้านการเกษตร และในวัย ๑๘ ปี เธอได้พบรักกับหนุ่มหล่อรับราชการทหารคนหนึ่ง เพราะ “สมัยก่อนคนมักคิดว่าอาชีพรับราชการดีที่สุด” จากนั้นทั้งคู่ตัดสินใจมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่โคราชเมื่อปี ๒๕๓๐ และการเป็น “สาวยาคูลท์” คือโอกาสแรกที่คนโคราชมอบให้เธอ

อยู่ด้วยกันได้ไม่ทันไร ทั้งคู่ก็ให้กำเนิดเด็กชายสุดน่ารัก ๒ คน แต่แล้วความรักของเธอและเขา ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง เมื่อสุราเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น มันพยายามแย่งชิงคนรักของเธอไป จากชีวิตที่เคยมีความสุข... ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยน ผ่านไปไม่นาน...เธอก็ตัดสินใจบอกลาการเป็น “สาวยาคูลท์” แล้วหันมาเปิดร้านขายของใช้ทั่วๆ ไป

กระทั่งวันหนึ่ง หนุ่มทหารหล่อคนนั้น ได้ทำสิ่งที่ผิดต่อคนรักด้วยการ...นอกใจ หันไปคบหญิงสาวอีกคนหนึ่ง ที่อายุรุ่นราวคราวลูกได้เลย ความผิดหวังครั้งนี้ ทำให้ “ป้าโอ่ง” ถึงขั้น “รู้สึกอยากเลี้ยวรถให้สิบล้อชน” แม้ว่าจะเจ็บปวดเพียงใด เธอก็ยังคิดถึงลูกๆ ของเธอ “หากเป็นอะไรไปใครจะเลี้ยงดูพวกเขา…ความคิดนี้ทำให้ป้ารอดตายมาได้”

• เริ่มต้นใหม่ที่จุดจบ

จากเหตุการณ์สุดสลดในวันนั้น ทำให้ “ป้าโอ่ง” ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จะเป็นการเริ่มต้นใหม่เพียงคนเดียว เธอพาลูกๆ ไปฝากไว้กับพี่สาวที่อำเภอหนองกี่ บุรีรัมย์ “ครั้งนี้ป้าได้รับโอกาสจาก ‘คุณแป๋ว’ สุนทรา จันทร์รังสี ผู้จัดการ บริษัท ทองเนื้อเก้า จำกัด ตัวแทนจำหน่ายยาคูลท์นครราชสีมา ให้กลับเข้ามาทำงานเป็นสาวยาคูลท์อีกรอบ 

แต่ทำได้ไม่นาน “ป้าโอ่ง” ก็ต้องลาออกอีกครั้ง “ด้วยความทระนงที่มี...ป้าคิดว่า ป้าทำอะไรได้มากกว่าการเป็นสาวยาคูลท์” และตัดสินใจนำเงินก้อนที่เก็บไว้จากการทำงานมาลงทุน หาโน่นหานั่นมาขาย นานวันไปก็มีแต่เข้าเนื้อไปเรื่อยๆ เงินเก็บแต่ละบาทก็เริ่มร่อยหรอลงไป ชีวิตเริ่มกลับมามืดมัวอีกครั้ง 

ความโชคร้ายยังไม่ถาโถมเพียงเท่านั้น เมื่อ “ป้าโอ่ง” ต้องทราบข่าวว่า “ลูกชายคนโตเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นเสียชีวิต” ความผิดหวังและความเจ็บปวด ซ้ำเติมเข้ามาพร้อมกันเกินกว่าคนธรรมดาคนหนึ่งจะรับได้ และในวินาทีนั้น “ป้าโอ่ง” คิดที่จะหนีปัญหาและความหดหู่ “โดยการจบชีวิตของตัวเองอีกครั้ง”

• โอกาสครั้งที่ ๒

ด้วยความผิดหวังที่เกิดขึ้นในชีวิตของ “ป้าโอ่ง” ทำให้รู้ตัวว่า “เหมือนเป็นคนบ้า” สติเริ่มหลุดลอยออกไปจากตัว “ชีวิตตกอับถึงที่สุด ไม่รู้จะหันไปพึ่งพาใครได้อีก” ในวันที่ชีวิตของเธอกำลังมืดมัวลงไปทุกที ก็มีมือหนึ่งยื่นเข้ามา และนั้นคือมือของ ‘คุณแป๋ว’ คนที่พร้อมจะให้โอกาส “ป้าโอ่ง” อีกครั้ง “คุณแป๋วเป็นเสมือนคนที่ชุบชีวิตป้าและดึงป้าขึ้นมาจากเหว”

• ชีวิตใหม่ในอาชีพเก่า

“ป้าจะไม่ยอมให้โอกาสในครั้งนี้หลุดมือไปอีกแล้ว” ชีวิตของเธอเริ่มขึ้นใหม่อีกครั้ง ด้วยความมานะบากบั่นในการทำงาน ทำให้เธอเป็นสาวยาคูลท์ที่มีลูกค้าประจำมากถึง ๑๒๐ คน 

“ลูกค้าประจำส่วนใหญ่ จะดื่มวันละขวด ป้าจะต้องเอาไปส่งให้ทุกวันและตรงต่อเวลา จึงทำให้ลูกค้ารักป้า ป้าทำสาวยาคูลท์แล้วไม่เหงา ได้พบปะพูดคุยกับคนนั้นคนนี้ทุกวัน แม้ลูกค้าจะมีหลายหลาก แต่ป้าก็ไม่เคยถอย คนเราท้อได้แต่อย่าถอย”

“เวลาเราจะชักชวนลูกค้า เราจะพูดถึงประโยชน์ของยาคูลท์ เช่น ทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ท้องไม่ผูก และสามารถช่วยยับยั้งอาการท้องเสีย เพราะยาคูลท์มีจุลินทรีย์แล็คโตบาซิลลัส สายพันธุ์ดี ช่วยทำให้การทำงานของลำไส้เป็นปกติ และในยาคูลท์ยังมีวิตามินบีรวม ทำให้ผิวพรรณดีอีกด้วย”

ในขณะที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำงานอยู่นั้น ในช่วงเวลาที่ไม่คิดไม่ฝัน วันที่ลูกชายคนเล็กของ “ป้าโอ่ง” นามว่า “ชวิศ สีหานาม” ก็ได้แสดงให้เห็นว่า “ลูกคนนี้จะทำเพื่อแม่” เขาเรียนจบชั้น ม.๖ อย่างภาคภูมิใจ พร้อมกับได้ทุนเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเทียนจิน สาธารณรัฐประชาชนจีน

• ลูกชายผู้ชูชุบ

“ชวิศ สีหานาม” หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ไนท์” หนุ่มน้อยอนาคตไกล ลูกชายคนเล็กของ “ป้าโอ่ง” เขาเริ่มชื่นชอบวัฒนธรรมของคนจีนตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา เมื่อครั้งที่อาศัยอยู่อำเภอหนองกี่ เขาเป็นคนที่ร่าเริงและพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ 

“ไนท์” มักคลุกคลีอยู่กับผู้สูงอายุที่เป็นคนไทยเชื้อสายจีน ความผูกพันก่อกำเนิดความรัก...รักในวัฒนธรรมของคนจีน เมื่อย่างก้าวขึ้นมัธยม “ป้าโอ่ง” ก็เริ่มสังเกตเห็นว่าลูกชายคนเล็กชอบอะไร จากนั้นเริ่มส่งเสริมให้เขาทำในสิ่งที่รัก พร้อมกับพร่ำสอนให้ลูกเป็นคนดีอยู่เสมอ “การจะสอนลูก ต้องเริ่มสอนแบบจริงจังในช่วงที่เขาอยู่ ม.๑-ม.๓ ช่วงนี้เขาจะเหมือนแป้ง ปั้นเป็นตัวได้ง่าย หากปั้นผิดรูปก็จะเสียคนไปเลย แต่ถ้าเราปั้นอย่างดี เขาก็จะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต”

วันเวลาผ่านไป จากเด็กน้อยตัวเล็กๆ “ไนท์” ก็เติบโตเป็นหนุ่ม ครั้งเมื่อศึกษาอยู่ชั้น ม.๖ เขาได้เข้าร่วมประกวด “วาดอักษรจีนด้วยพู่กัน” และคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้ ในการแข่งครั้งนั้น ทำให้ “ไนท์” ได้มีโอกาสไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเทียนจิน ประเทศจีน ในคณะครุศาสตร์ สาขาการสอนภาษาจีน 
“ป้าโอ่ง” เล่าถึงความในใจกับผมว่า “ในตอนนั้นป้าภูมิใจในตัวลูกชายมาก ที่เขาสามารถทำตามความฝันได้สำเร็จ”

ในเวลา ๔ ปี ที่ “ไนท์” ต้องอยู่ในที่ห่างไกล “ป้าโอ่ง” ได้สร้างความผูกพันกับลูกด้วยการใช้โซเชียลเป็นเครื่องมือ ทั้งคู่ใช้เวลากว่า ๓๐ นาทีของทุกวัน เพื่อพูดคุยและถามไถ่ความเป็นอยู่ของกันและกัน “ไม่ว่าจะไกลแค่ไหน เราก็เหมือนอยู่ใกล้กันตลอดเวลา” 

และเมื่อเร็วๆ นี้ ประมาณ ๒-๓ เดือน “ไนท์” ก็สร้างความสำเร็จให้ “ป้าโอ่ง” ได้ภูมิใจอีกครั้ง เพราะเขาเรียนจบปริญญาตรี หลักสูตรภาษาจีน และ “ป้าโอ่ง” ก็ได้บินลัดฟ้าเพื่อไปงานรับปริญญาของลูกชาย ความสำเร็จในครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นอีกเรื่อง หลังจากที่ “ป้าโอ่ง” ต้องฝ่าฟันอุปสรรคที่ชุ่มโชกน้ำตามานับครั้งไม่ถ้วน “ป้ารู้สึกดีใจมากที่ลูกเรียนจบ แต่ป้าไม่ร้องไห้หรอกนะ แต่คนที่ร้องเป็นไนท์ต่างหาก วันนั้นเป็นวันที่ป้ามีความสุขที่สุดเลยในชีวิต”

• ผลจากความล้มเหลว

หลังจากที่เรื่องร้ายๆ ผ่านไป “ป้าโอ่ง” ก็ไม่เคยต้องทุกข์ใจอีกเลย เพราะทุกวันนี้ชีวิตก็ “พอเพียงแล้ว” ได้ทำงานที่รัก และยังมีลูกที่ดีอีกด้วย แต่สิ่งสำคัญที่จะทำให้มีความสุขได้ต้องอยู่ที่จิตใจ “ป้ามีความสุขในทุกวันนี้ เพราะป้าไม่เคยคิดโกรธแค้นสามีเก่า ไม่เคยโทษโชคชะตา ที่มีอะไรดีๆ ได้อย่างทุกวันนี้ เพราะป้าเรียนรู้จากความล้มเหลว การปล่อยวางคือสิ่งสำคัญ หากปล่อยวางได้ ชีวิตเราก็จะมีสุข”

“ทุกวันนี้ ป้าไม่ยึดติดกับสิ่งของ หรือบ้านและรถ แต่ก่อนป้าอาจจะคิดว่า การเสียบ้านและรถคือเรื่องใหญ่ แต่ในวันนี้ ป้าเพียงพอแล้วกับสิ่งที่เป็นอยู่ เงินเก็บทุกบาททุกสตางค์ก็จะเก็บไว้ใช้ในยามป่วยไข้ หากขอพรได้สักข้อ ป้าก็อยากจะขอให้ตนเองมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง”

• อนาคตของหญิงชื่อ “โอ่ง”

หนึ่งวัน หนึ่งเดือน หรือหนึ่งปีข้างหน้า “ป้าโอ่ง” ไม่มีทางรู้เลยว่าจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่ทำได้คือ “ทำวันนี้ให้ดีที่สุด และวางแผนเพื่อวันข้างหน้า และป้าจะเป็นสาวยาคูลท์แบบนี้ไปจนกว่าร่างกายจะไม่ไหว และป้าอยากไปเที่ยว ก่อนจะเที่ยวไม่ไหว ซึ่งประเทศญี่ปุ่นคือที่ที่ป้าอยากไปมากที่สุด นอกจากนี้เงินทุกบาททุกสตางค์ ป้าก็จะเก็บเอาไว้ดูแลตัวเองในอนาคต แม้ว่าไนท์จะเคยบอกป้าว่า วันหนึ่งเขาจะไม่ให้ป้าทำงานแล้วเขาจะเลี้ยงป้าเอง แต่ป้าอยากหาเงินด้วยตัวเอง วันหนึ่งเขาก็ต้องไปมีครอบครัว ป้าไม่อยากรบกวนเขา”

• จากใจอีกคนถึงอีกคน

“สำหรับชีวิตที่ป้ามีในวันนี้ ป้าอยากจะขอขอบคุณครอบครัว ‘จันทร์รังสี’ ที่ช่วยป้าจากชีวิตที่ล้มเหลว และใครที่กำลังลำบาก กำลังผิดหวัง ขอให้จำไว้ว่า ‘การฆ่าตัวตายไม่ใช่ทางออก เพราะชีวิตยังมีหนทางเสมอ’ ต้องรู้จักที่จะปล่อยวาง ใจเราจะได้ไม่เป็นทุกข์ แล้วชีวิตจะมีความสุข เพราะ ‘คนเราล้มเพื่อจะเรียนรู้การยืน’ ป้าอยากเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังจะเจอบททดสอบของชีวิต เหตุการณ์อะไรที่ร้ายๆ ก็ให้คิดเสียว่าเราแค่ฝันไป”

“ป้าโอ่ง” จากเด็กสาววัย ๑๘ ปี ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ตกหลุมพรางของความรัก ทำให้ชีวิตต้องพลัดพรากจากบ้านเกิดที่ร้อยเอ็ด มาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองใหญ่อย่างโคราช เพียงคิดแค่ว่า “ผู้ชายคนนั้นเขาจะเป็นคนดี” ทำให้ชีวิตต้องพบกับความผิดหวังและความเสียใจจนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ในวันนี้ “ป้าโอ่ง” สิริกัญญา น้อยโพนทัน ในวัย ๕๑ ปี “สาวแห่งยาคูลท์” ที่มีรายได้หลายหมื่นบาทต่อเดือนจากความอุตสาหะที่ทุ่มให้กับผลิตภัณฑ์ยาคูลท์ ก็มีทุกอย่างตามที่ต้องการแล้ว 

“ไม่ใช่เงินทองที่มากมาย ยศที่สูงส่ง แต่ความสุขของป้าคือการมีชีวิตอยู่...อยู่เพื่อลูกชาย และทำให้ทุกวันเป็นวันที่ดีตลอดไป”

 

 ปีที่ ๔๕ ฉบับที่ ๒๕๘๕ วันศุกร์ที่ ๒๖ - วันพุธที่ ๓๑ เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒

 

886 1,562