7thDecember

7thDecember

7thDecember

 

September 16,2020

“โควิด-๑๙” ฝันร้ายธุรกิจนำเที่ยว “เจ้าคุณทัวร์” กระทบ...แต่ไม่กระเทือน

“การท่องเที่ยว...คือการพักผ่อน” คำนี้อาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะในการออกไปท่องเที่ยวต่างๆ เราล้วนต้องมีปัจจัยหลายอย่าง “ความพร้อมของร่างกาย” หากไปเที่ยวกลับมาแล้วป่วยไข้ จะเรียกว่าพักผ่อนได้อย่างไร? ...ทุกการเดินทางท่องเที่ยวย่อมมี “ค่าใช้จ่าย” แน่นอน หลังจากเที่ยวเสร็จอาจจะต้องนั่งกุมขมับและถามตัวเองว่า เงินหายไปไหนหมด?...“การเดินทาง อาหาร และที่พัก” สิ่งเหล่านี้ก็ต้องพร้อม หากไปโดยไม่เตรียมการ รับรองได้ว่า อาจจะทุกข์มากกว่าสุข...“ความปลอดภัย” ทุกการเดินทางย่อมมีอันตรายรออยู่เสมอ ดังนั้นปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุด และสิ่งที่สำคัญ “เวลา” เมื่อเราไปท่องเที่ยวแต่มีเวลาจำกัด จากการพักผ่อนที่ควรได้รับเต็มที่ ก็อาจจะได้ความเหนื่อยล้าเข้ามาแทน

สิ่งที่ผมกล่าวมา ก็เปรียบเสมือนปัจจัย ๕ ของการท่องเที่ยวซึ่งจะดีกว่าหรือไม่...ถ้าการท่องเที่ยวพักผ่อนของทุกคน มีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาจัดการให้เกือบทั้งหมด เหลือเพียงเรื่องความพร้อมของร่างกาย เราคงต้องดูแลตัวเอง และสำรวจตัวเองทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน ส่วนเรื่องอื่นๆ คงต้อง ให้เป็นหน้าที่ของ “ธุรกิจนำเที่ยว” หรือที่เรียกภาษาบ้านๆ ว่า “ทัวร์”

“ธุรกิจนำเที่ยว” เกี่ยวกับการนำนักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยว หรือเดินทางไปเพื่อวัตถุประสงค์อื่น เช่น การจัดสัมมนา การทัศนศึกษา โดยจัดให้มีบริการหรือการอำนวยความสะดวกทั้งสถานที่พัก อาหาร มัคคุเทศก์ หรือบริการอื่น ซึ่งใน “โคราช” ก็มีผู้ให้บริการนำเที่ยวอยู่ไม่น้อยเช่นกัน แต่ที่ทุกคนคุ้นหูกันดี...คงหนีไม่พ้น “เจ้าคุณทัวร์” ซึ่งบริหารงานโดย “คุณเป้” สกล ธีระพงษ์ธนากร ผู้ก่อตั้งบริษัทและผู้บุกเบิกวงการนำเที่ยวของโคราช 

“เจ้าคุณทัวร์” มีความแตกต่างจากบริษัทนำเที่ยวอื่นๆ อย่างเด่นชัด อย่างที่ “คุณเป้” พูดไว้ว่า “เจ้าคุณทัวร์เป็นบริษัทนำเที่ยวที่แตกต่างจากคนอื่น ที่ขึ้นอยู่กับลักษณะของลูกค้าและการตลาด โดยเราพาคนโคราชไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ แต่ไม่ได้นำนักท่องเที่ยวต่างประเทศหรือต่างจังหวัดเข้ามาเที่ยวในโคราช”

หากย้อนกลับไปเมื่อปี ๒๕๔๐ หรือ ๒๓ ปีก่อน วันที่ “เจ้าคุณทัวร์” ถือกำเนิดขึ้นมา “ตลอดเวลาเจ้าคุณทัวร์ก็ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร ทั้งตอนเปิดให้บริการใหม่ๆ ไม่มีประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยว ไหนจะมาชนกับภาวะทางเศรษฐกิจในขณะนั้น ที่เขาเรียกกันว่า “ยุคฟองสบู่แตก” ซึ่งส่งผลให้การท่องเที่ยวซบเซา คนไม่ค่อยออกจากบ้าน” แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความรักในการทำงานด้านนี้ของคุณเป้ ก็สามารถยืนหยัดและผ่านพ้นช่วงลำบากมาถึงปัจจุบัน

หลังจากที่เจ้าคุณทัวร์ให้บริการมาตลอดระยะเวลา ๒๓ ปี และแล้ววันที่ยากลำบากของทุกธุรกิจก็มาเยือนอีกครั้ง โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ที่เรียกว่า “หายนะ” เลยก็ว่าได้ โดยในช่วงต้นปี ๒๕๖๓ เกิดการระบาดของไวรัสโควิด-๑๙ ไปทั่วโลก ทำให้การท่องเที่ยวต้องชะงัก น่านฟ้าทุกประเทศถูกปิด ไม่สามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้ ในประเทศไทยมีการออกมาตรการป้องกันต่างๆ โดยเฉพาะการล็อกดาวน์ประเทศ ประกาศเป็น พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งช่วงแรกมีการประกาศเคอร์ฟิว ห้ามออกนอกเคหสถานในเวลา ๒๒.๐๐- ๐๕.๐๐ น. รวมทั้งห้ามเดินทางข้ามจังหวัด แต่เมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ทุกอย่างก็ค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ

ในส่วนของการท่องเที่ยว ช่วงแรกของการล็อกดาวน์นั้นเท่ากับศูนย์ ที่บอกแบบนี้ก็เพราะว่า ธุรกิจบริการ ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม ร้านอาหาร สถานบันเทิง ห้างสรรพสินค้า รวมไปถึงธุรกิจนำเที่ยวอย่างเจ้าคุณทัวร์ “ก็ได้รับผลกระทบ...แต่ไม่กระเทือน” เนื่องจากว่า เจ้าคุณทัวร์เคยผ่านวิกฤตมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ผลกระทบครั้งนี้ก็ทำให้ปิดบริการไปกว่า ๒ เดือน “ซึ่งการปิดกิจการครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะทางราชการเป็นคนสั่งปิด แต่ด้วยสถานการณ์ที่ต้องเจอ ธุรกิจทุกอย่างปิดหมด หากยังให้บริการนำเที่ยวก็คงไม่มีสถานที่ให้ไป และไม่มีใครมาใช้บริการ ถ้าไม่ปิดก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี”

แม้จะได้รับผลกระทบอย่างมาก ถึงขั้นต้องหยุดกิจการชั่วคราว “แต่ผลกระทบนี้ก็ไม่สามารถทำให้เจ้าคุณทัวร์กระเทือนได้เพราะแม้ว่าจะปิดกิจการ แต่ก็ยังเลี้ยงดูและจ่ายค่าจ้างพนักงานตามปกติ” นอกจากเจ้าคุณทัวร์จะไม่กระเทือนแล้ว ในช่วงวิกฤตที่ผ่านมา ก็ยังไปช่วยเหลือสังคมด้วยการบริจาคเงินจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ให้กับโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และบริจาคข้าวกล่องจำนวน ๓๐๐ กล่องเป็นเวลา ๑๕ วัน ให้กับชุมชนในโคราชด้วย

ในวิกฤตครั้งนี้นับว่าเป็น “หน้าประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งของการท่องเที่ยว” ซึ่งหลังจากที่ภาครัฐเริ่มมีการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ “เจ้าคุณทัวร์” ถือเป็นบริษัทนำเที่ยวที่กล้าท้าวิกฤต เปิดให้บริการเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย “ซึ่งการเปิดให้บริการเป็นเจ้าแรก เพราะต้องการสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชน โดยช่วงแรกก็ได้รับการผลักดันจากผู้ว่าฯ และททท.โคราช ช่วยสนับสนุนจัดกิจกรรมคนโคราชเที่ยวโคราช” 

สำหรับแคมเปญ “คนโคราชเที่ยวโคราช” เป็นการนำนักท่องเที่ยวในโคราชเที่ยวภายในจังหวัด เป็นทัวร์แบบเช้าไป...เย็นกลับ โดยจัดทริปทั้งหมด ๔ เส้นทาง การบริการนักท่องเที่ยวของเจ้าคุณทัวร์ทุกทริป จะอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันโรคอย่างเข้มงวด เช่น “ที่นั่งบนรถตู้จาก ๙ ที่นั่ง เราก็ลดให้เหลือเพียง ๖ ที่นั่ง ส่วนรถทัวร์หรือรถมินิบัส ก็ลดเหลือเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เพราะทุกคนจะต้องเว้นระยะห่าง” 

“ในการทำทัวร์นำเที่ยวช่วงแรก ทำไปก็ไม่ได้กำไร แต่ที่ต้องทำก็เพราะ ต้องการกระตุ้นการท่องเที่ยว ให้นักท่องเที่ยวกล้าออกมาใช้บริการ หรือกล้าเดินทาง เพราะว่า ธุรกิจนำเที่ยวคือส่วนหนึ่งและเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งผมได้ตระหนักในเรื่องนี้อย่างมาก จึงเป็นที่มาว่า ทำไมผมต้องเสี่ยงเปิดกิจการเป็นเจ้าแรก และก็ประสบความสำเร็จอย่างมากด้วย” คุณเป้เล่าด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ

อีกเรื่องหนึ่งที่นักท่องเที่ยวต้องตระหนักไว้คือ “ความปลอดภัย” ในปัจจุบันเราคงจะเห็นข่าวอุบัติเหตุต่างๆ มักเกิดจากการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งอุบัติเหตุเหล่านี้เกิดจากพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนไป คนหันมาใช้รถยนต์ส่วนตัวมากขึ้น มีการดื่มสุราระหว่างขับขี่ หรือยัง “แฮงค์” อยู่ และหลายคนมักจะประมาทเมื่ออยู่กับเพื่อนๆ ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลย หากเราหันมาใช้บริการนำเที่ยว

ความปลอดภัยกับบริการนำเที่ยวเรียกว่า เป็นของคู่กัน โดยทั่วไปบริการนำเที่ยวมักจะมีกรมธรรม์ให้เสมอ เดินทางไปเที่ยวไหนก็รับรู้ได้ว่าปลอดภัยแน่นอน แถมจะดื่มสังสรรค์หนักหน่วงขนาดไหน ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะขับรถไม่ไหว ซึ่งในส่วนนี้ “คุณเป้” ฝากไว้ว่า “หากต้องออกเดินทางไปท่องเที่ยว ขอให้ใช้บริการนำเที่ยว ซึ่งจะคอยดูแลให้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายการเดินทาง ความปลอดภัย การจัดสรรเวลา และกิจกรรมในการท่องเที่ยว” สำหรับผม ส่วนตัวผมคิดว่า บริการนำเที่ยวนั้นคุ้มค่ามากๆ นอกจากจะได้เที่ยวอย่างเต็มที่แล้ว เราจะไม่ต้องกังวลเรื่องใดอีกเลย ...ดีขนาดนี้ผมว่า ทุกคนต้องลองเปิดใจให้กับ...“ธุรกิจนำเที่ยว” บ้างแล้วครับ

ถึงแม้ “โคราช” จะมีธุรกิจนำเที่ยวเจ้าแรกที่ให้บริการหลังวิกฤตโควิด-๑๙ แต่ก็ยังมีโจทย์ใหญ่ที่ว่า “โคราช...มีอะไรให้เที่ยว” คำถามนี้คนโคราชอย่างผมก็ยังคงถามตัวเองอยู่บ่อยๆ แต่ในมุมมองของ “คุณเป้” ผู้ที่คลุกคลีในวงการนี้มานาน กลับมองว่า “โคราชคือเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวมากอันดับต้นๆ ของประเทศ ซึ่งที่จริงแล้วการท่องเที่ยวไม่ใช่เพียงแค่สถานที่ แต่ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตผู้คน ก็นับเป็นการท่องเที่ยว ที่สามารถสร้างจุดขายเพื่อดึงให้คนที่สนใจมาเรียนรู้”

การท่องเที่ยวของโคราช มักจะไปกระจุกตัวอยู่ที่อำเภอปากช่อง แต่ในส่วนของพื้นที่อื่นๆ ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน “เพียงแต่โคราชยังขาดการสร้างคอนเทนต์หรือกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวสนใจ ขาดความเอาใจใส่ และในชุมชนมองเห็นสินค้าด้านการท่องเที่ยวของตัวเองบ้างหรือไม่ เช่น ขนมจีนประโดก ก็สามารถนำมาสร้างเรื่องราวและจัดเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวในโคราชได้เช่นกัน” สุดท้ายแล้วในการพัฒนาต่อยอดการท่องเที่ยวต้องขึ้นอยู่กับผู้นำชุมชนหรือผู้นำระดับจังหวัดว่า จะมีการผลักดันอย่างไร จะพัฒนาไปในทิศทางใด

หากยังมองภาพไม่ออกว่า กิจกรรมที่ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว จะนำมา สร้างเป็นการท่องเที่ยวได้อย่างไร “คุณเป้” เล่าว่า ต้องมองไปที่จังหวัดตรัง ซึ่งเดิมทีแทบจะไม่มีใครสนใจ แต่ “สุรินทร์ โตทับเที่ยง” เจ้าของปลากระป๋องปุ้มปุ้ย สร้างกิจกรรมหนึ่งขึ้นมา จนทำให้จังหวัดตรังกลายเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยว ซึ่งกิจกรรมนั้นคือ “พิธีวิวาห์ใต้สมุทร” ดังนั้น จึงเป็นโจทย์ที่ทุกคนในโคราชต้องมาช่วยกันหาคำตอบว่า ทำอย่างไรถึงจะสร้างกิจกรรมหรือการท่องเที่ยวขึ้นมา ไม่ใช่เอาแต่สร้างสถานที่ใหม่ๆ จากนั้นเราถึงจะคู่ควรกับคำว่า “โคราชเมืองแห่งการท่องเที่ยว”

“การท่องเที่ยว” ยังคงจะดำเนินต่อไป แม้ว่าวันนี้จะยังไม่ ๑๐๐% ซึ่งวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แม้ว่าเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวจะซบเซาลงไปมาก แต่สถานที่ท่องเที่ยวหลายแหล่งมีการฟื้นฟูตัวเอง ธรรมชาติกลับมาสดใสอีกครั้ง และยังทำให้ผู้คนเริ่มหันมาสนใจที่จะท่องเที่ยวแบบ New Normal มีความตระหนักเรื่องความสะอาดและเอาใจใส่สิ่งแวดล้อมมากขึ้น สุดท้ายนี้ก็อยากให้ทุกๆ คนออกมาท่องเที่ยวกันมากขึ้น และห้ามพลาดที่จะใช้ “บริการนำเที่ยว” ซึ่งทิศทางการท่องเที่ยวหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร คงต้องมาติดตามกันต่อไป...

 

วีรภัทร์ จูฑะพงษ์ ผู้เขียน

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๖ ฉบับที่ ๒๖๔๔ วันอังคารที่ ๙ - วันพุธที่ ๑๕ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๓

 


110 1,781