29thMarch

29thMarch

29thMarch

 

December 18,2021

‘สุวัจน์’ย้ำโคราชเป็นเรือนตาย ‘ชาติพัฒนา’เตรียมสู้ศึกเลือกตั้ง ต้องได้ ส.ส.มากที่สุด


‘สุวัจน์’ นำทีมประชุมใหญ่สามัญประจำปี ๒๕๖๔ วางกลยุทธ์หาเสียงใหม่ ชูนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจยุคโควิด-๑๙ หวังคว้าเก้าอี้ ส.ส.ในสภาให้มากเหมือนสมัย “พลเอกชาติชาย” ย้ำเสียงมากถึงจะช่วยประชาชนได้ ลั่น “ชาติพัฒนา Come Back” เตรียมหวนคืนความยิ่งใหญ่ ยึดโคราชเป็นเรือนตาย

เมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๐.๐๐ น. ที่ห้องประชุม ชั้น ๔ โรงแรมแคนทารีโคราช พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) จัดการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี ๒๕๖๔ โดยมีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา พร้อมด้วยนายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา นายวัชรพล โตมรศักดิ์ เลขาธิการพรรคชาติพัฒนา และ ส.ส.นครราชสีมา รวมทั้งที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ประกอบด้วย นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, นายสุเมธ ศรีพงษ์ อดีต ส.ว.นครราชสีมา, พันเอกวินัย สมพงษ์  อดีตรัฐมนรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายนายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา ในฐานะรองหัวหน้าพรรคฯ โดยสมาชิกพรรคชาติพัฒนา จำนวน ๒๙๐ คน ร่วมประชุมและรับฟังบรรยายสถานการณ์เศรษฐกิจการเมืองและบทบาทที่ผ่านมา รวมถึงการลงคะแนนเลือกตั้งกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งด้วย

ประชุมใหญ่ชาติพัฒนา

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา กล่าวต่อที่ประชุมว่า “ตามกฎหมายและข้อบังคับพรรคการเมือง กำหนดให้ต้องจัดประชุมใหญ่ภายในเดือนเมษายนของทุกปี เพื่อรายงานการดำเนินงานพรรคการเมืองในรอบปีที่ผ่านมา และเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ของพรรค ตามมาตรา ๔๓ ต้องเสนองบการเงินที่ผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาตตรวจสอบและรับรองแล้ว ตามมาตรา ๖๑ เพื่อให้พิจารณาอนุมัติ หากไม่ดำเนินการตามที่กล่าวมาอาจจะถูกยุบพรรคได้ตามมาตรา ๙๑ (๑๐) ซึ่งเดิมกำหนดจัดประชุมใหญ่พรรคชาติพัฒนาประจำปี ในวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๔ แต่ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทุกพรรคการเมืองไม่สามารถดำเนินการจัดประชุมใหญ่ได้ เพราะการระบาดอย่างรุนแรงของโควิด-๑๙ จึงจำเป็นต้องเลื่อนการประชุมและพรรคได้มีหนังสือแจ้งไปยัง กกต.ให้ทราบแล้ว กระทั่งสถานการณ์โควิด-๑๙ ในจังหวัดนครราชสีมาเริ่มคลี่คลาย คณะกรรมการบริหารพรรคจึงมีมติเห็นสมควรจัดประชุมใหญ่สามัญพรรคชาติพัฒนา ประจำปี ๒๕๖๔ โดยจำเป็นต้องกำจัดจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมให้เป็นไปตามข้อบังคับของสาธารณสุข ส่วนอีกเรื่องคือมีตัวแทนพรรคชาติพัฒนาประจำจังหวัดขอลาออกจำนวน ๙ ท่าน จากที่มีอยู่ ๔๒ ท่าน จาก ๔๒ เขตเลือกตั้งทั่วประเทศ เพราะฉะนั้นขณะนี้ จึงมีตัวแทนพรรคชาติพัฒนาประจำจังหวัดในเขตเลือกตั้งต่างๆ ทั่วประเทศ”

คนโคราชไม่ทิ้งกัน

นายวัชรพล โตมรศักดิ์ เลขาธิการพรรคชาติพัฒนา รายงานการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในรอบปีที่ผ่านมาว่า “ในรอบปี ๒๕๖๓ พรรคชาติพัฒนาดำเนินกิจกรรมทางการเมือง โดยร่วมกับประชาชนหาแนวทางในการพัฒนาประเทศ และการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม คำนึงถึงความสมดุลระหว่างการพัฒนาวัตถุกับจิตใจและความอยู่เย็นเป็นสุขของประชาชน เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ การควบคุมและการป้องกันให้ประสบผลสำเร็จ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมืออย่างจริงจังจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไป”

“ด้วยเหตุผลดังกล่าวพรรคชาติพัฒนาจึงได้ริเริ่มแสวงหาความร่วมมือในหมู่ประชาคมชาวโคราช อาทิ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี วิทยาลัยอาชีวศึกษานครราชสีมา หอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด สมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้าน ชมรมผู้บริหารท้องถิ่นอำเภอเมืองนครราชสีมา องค์กรสาธารณกุศล และประชาชนทั่วไป จัดตั้งศูนย์คนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน รวมใจสู้ภัยโควิด-๑๙ เพื่อระดมทุนทรัพย์ภายในกรอบวงเงินที่กฎหมายกำหนด เพื่อจัดหาหน้ากากผ้า และแอลกอฮอล์ล้างมือ แจกจ่ายให้แก่ประชาชน และตั้งทีมจิตอาสาฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัสเคลื่อนที่ออกให้บริการตามสถานที่ต่างๆ รวมทั้งช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโรคโควิด-๑๙ โดยการจัดอาหารกล่องและถุงยังชีพนำไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ยากไร้ และจัดหน่วยบริการอาหารเคลื่อนที่ (Food Truck) ออกให้บริการในชุมชน” นายวัชรพล กล่าว

คาดหลังปีใหม่เศรษฐกิจดีขึ้น

จากนั้น นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา บรรยายพิเศษถึงสถานการณ์เศรษฐกิจทางการเมืองของประเทศ รวมถึงบทบาททางการเมืองของพรรคชาติพัฒนา ว่า “วันนี้เป็นการประชุมใหญ่สามัญประจำปี จะมีการรับรองรายชื่อสมาชิก และที่สำคัญมีการเลือกคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อไปจัดเตรียมผู้สมัครรับเลือกตั้ง ขณะนี้การเมืองหลังการเลือกตั้งล่าสุดผ่านมา ๓ ปีแล้ว เหลือระยะเวลาเตรียมตัวอีก ๑ ปี ถือว่าเป็นการเตรียมความพร้อมลงรับสมัครเลือกตั้ง นอกจากนี้ ผมยังได้เล่าให้สมาชิกพรรคฟังเรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมือง และบทบาทที่พรรคชาติพัฒนาจะต้องทำ ซึ่งเป็นห่วงมากในด้านเศรษฐกิจยุคโควิด-๑๙ ทุกคนจะเห็นความเสียหายต่างๆ ทำให้รัฐบาลจะต้องกู้เงินมากว่า ๒.๔ ล้านล้านบาท GDP ของประเทศก็ติดลบ มูลค่าทางเศรษฐกิจเสียหายอย่างมาก การท่องเที่ยวก็ยังไม่ฟื้น นักท่องเที่ยวต่างประเทศยังไม่เข้ามา และการลงทุนก็ลดลงไปมาก กลุ่มธุรกิจ SMEs ก็เดือดร้อน ประชาชนว่างงานจำนวนมาก สิ่งต่างๆ เหล่านี้ คือ ผลกระทบจากโควิด-๑๙ ขณะนี้แม้สถานการณ์ในประเทศเริ่มดีขึ้น แต่ต่างประเทศกลับต้องวุ่นวายกันอีกครั้ง หลายประเทศสั่งล็อกดาวน์ แต่ประเทศไทยตัวเลขเริ่มนิ่ง ติดเชื้อวันละ ๓-๔ พันคน ในระดับจังหวัดก็ไม่เกิน ๑๐๐ คน การรักษาระดับตัวเลขนี้ไว้จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและนักท่องเที่ยว ประกอบกับสถานการณ์การฉีดวัคซีน ขณะนี้ใกล้ฉีดครบ ๑๐๐ ล้านโดสแล้ว ผมจึงคิดว่า สถานการณ์เศรษฐกิจหลังปีใหม่จะดีขึ้น แต่ถ้าไม่ดีขึ้นทุกฝ่ายก็ต้องช่วยกันกระตุ้น กระตุ้นให้คนไทยออกมาเที่ยวไทย การกระตุ้นเศรษฐกิจยังจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนกว่าการเปิดประเทศจะทำสำเร็จ คือ นักท่องเที่ยวต่างประเทศกลับมา วันนี้จึงบอกกับสมาชิกพรรรคทุกคนว่า สิ่งสำคัญที่สุดหลังการเลือกตั้ง คือ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ”

ปรับกลยุทธ์ใหม่
 
“ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปที่จะมาถึง มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้มีบัตรเลือกตั้ง ๒ ใบ ส.ส.เขตถูกปรับจาก ๓๕๐ คน เป็น ๔๐๐ คน และแบบบัญชีรายชื่อจาก ๑๕๐ คน ปรับเป็น ๑๐๐ คน ซึ่งการเลือกตั้งแบบนี้ทำให้ยุทธศาสตร์ต้องเปลี่ยน เพราะใบแรกเลือก ส.ส. ใบที่สองเลือกพรรคโดยตรง ดังนั้น บัตรใบที่สองจึงมีความสำคัญมาก เพราะการที่ประชาชนจะเลือกพรรคโดยตรงมีอยู่ ๒ ปัจจัย คือ นโยบายและแคนนิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคชาติพัฒนาจึงจะต้องเตรียมนโยบายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพราะ ๒ ปีที่ผ่านมา คนไทยได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙ อย่างมหาศาล จึงเชื่อว่า ในช่วงเลือกตั้งประชาชนจะต้องการเห็นการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากโควิด ดังนั้น นโยบายแก้ไขปัญหาโควิดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่จะทำให้ประชาชนตัดสินใจเลือกพรรคการเมือง นโยบายที่เด่นๆ จะเน้นที่ภาคอีสาน เพราะมีสินค้าเกษตรที่อุดมสมบูรณ์ มีอุตสาหกรรมที่ทันสมัย และนำเทคโนโลยีต่างๆ มาพัฒนาสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพมากขึ้น ให้กลายเป็นสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีคุณค่าทางสุขอนามัย หากทำได้จะกลายเป็นอีสานสมัยใหม่ เหมือนกับที่พลเอกชาติชาย ชุณหะวัน เคยทำไว้ ดังนั้น จึงต้องนำความทันสมัยมาพัฒนาภาคอีสานให้สมบูรณ์ เป็นแหล่งผลิตอาหารป้อนโลก ครัวไทยไปครัวโลก นี่เป็นนโยบายสำคัญ และโคราชจะกลายเป็นมหานคร แต่อาจจะเติบโตมากกว่านี้ เพราะโคราชกำลังจะมีรถไฟทางคู่ และรถไฟความเร็วสูงเชื่อมภูมิภาค ในอนาคตเมื่อเกิดการเชื่อมโยงกับหลายพื้นที่ ภาคอีสานก็สามารถเดินทางไปยุโรปได้ เป็นการเปิดประตูสู่อินโดจีนภาค ๒ ดังนั้น นโยบายหลักจะต้องช่วยกันคิด ช่วยกันทำ สร้างความต่อเนื่องให้กับโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ”

ชาติพัฒนาคัมแบ็ค

“สมัยพลเอกชาติชาย เราเคยได้รับเลือกตั้ง สูงถึง ๖๐ เสียง ซึ่งการเมืองวัดกันด้วยเสียง ถ้าเสียงน้อยพูดอะไรไปก็ไม่มีใครได้ยิน แต่ถ้ามีเสียงมากพูดอะไรไปก็เสียงดัง ในเวลานี้เมื่อมีแนวคิดในการแก้ไขปัญหาดีๆ แต่เสียงมีน้อยก็ทำไม่สำเร็จ แต่ก่อนพรรคชาติพัฒนาเคยได้ ๖๐ เสียง เป็นพรรคไซส์ XL แต่วันนี้มีเพียง ๔ เสียง ไซส์เล็กไป จึงต้องการให้เพิ่มไซส์ เรียกว่า ชาติพัฒนา Come Back รีเทิร์นกลับมาทำงานให้บ้านเมือง โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจที่พรรคชาติพัฒนาทราบปัญหา และทำงานด้านนี้มาตั้งแต่สมัยพลเอกชายชาติ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่พรรคชาติพัฒนามี คือ การเป็นพรรคการเมืองที่ไม่มีศัตรู ไม่มีความขัดแย้งกับใคร วันนี้ความขัดแย้งทางการเมือง คือ อุปสรรคอย่างหนึ่ง เพราะถ้าการเมืองไม่ขัดแย้งประเทศชาติก็จะมีพลัง เมื่อทุกคนมีพลังก็จะช่วยกันคิดแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ตั้งแต่ผมเป็นนักการเมืองมา ไม่เคยมียุคสมัยไหนที่ประชาชนเดือดร้อนและระบบเศรษฐกิจเสียหายมากที่สุดเหมือนในขณะนี้ ดังนั้น ขณะนี้พรรคการเมืองจะต้องรวมพลังกัน ลดความขัดแย้ง เพื่อมุ่งแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน” นายสุวัจน์ กล่าว

โคราชเป็นเรือนตาย

ต่อมา นายสุวัจน์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในประเด็น “การตั้งเป้าว่า ชาติพัฒนา Come Back จะสามารถทำได้สำเร็จอย่างไร” ว่า “สมัยพลเอกชาติชาย พรรคชาติพัฒนาเคยได้ ส.ส.โคราชมากถึง ๑๕ เขต จากทั้งหมด ๑๖ เขต เหมือนกับว่า โคราชคือเรือนตายของพรรคชาติพัฒนา เหมือนทีมฟุตบอลสวาทแคทเวลาเล่นในบ้านไม่เคยแพ้ ดังนั้น พรรคชาติพัฒนาจะต้องเติบโตที่โคราชให้ได้ จะต้องได้ ส.ส.มากที่สุดในโคราช โดยหลังจากนี้จะไปวางแผนว่าจะทำอย่างไร จะต้องวางกลยุทธ์ใหม่ เพื่อให้ชาติพัฒนา Come Back เพื่อจะได้มีเสียงมากขึ้น สามารถทำงานให้กับประชาชนมากขึ้น เพราะต้องการมีส่วนในการแก้ไขปัญหาของประเทศ วันนี้ถือเป็นการตอกเสาเข็มไว้ว่า หลังจากนี้อีก ๑ ปีจะทำอะไร”

จุดหมายนักท่องเที่ยว

ต่อข้อถามว่า “หากฝ่ายรัฐบาลลาออกหรือยุบสภา พรรคชาติพัฒนาพร้อมที่จะเลือกตั้งหรือไม่” นายสุวัจน์ ตอบว่า “หลังจากนี้จะต้องเตรียมตัว มีเวลาอีก ๑ ปี พูดแล้วว่านโยบายจะทำอะไร จะต้องเตรียมตัวผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีตามที่พรรคเสนอ นโยบายจะออกมาอย่างไร ภาคอีสานจะพัฒนาไปทิศทางใด เชื่อมโยงกับทั่วโลกได้อย่างไร เปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า สิ่งเหล่านี้จะต้องเตรียมตัว ระยะเวลา ๑ ปีอาจจะเป็นเวลาที่พอดี ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวจะต้องคิดอะไรใหม่ๆ ต้องสร้างแรงจูงใจแบบใหม่ให้เกิดขึ้น เช่น เมื่อพูดถึงโคราช ทั่วโลกจะนึกถึงโคราชเมืองฟอสซิล และยังมีโครงการโคราชจีโอพาร์ค หากทำสำเร็จจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ที่สำคัญขณะนี้มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา กำลังทำไดโนพาร์คที่บริเวณตำบลโคกกรวด หลังจากนี้โคราชจะมีความพร้อม เพราะอีกไม่นานโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ จะเข้ามา ทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ และมอเตอร์เวย์ ต่อไปนักท่องเที่ยวจะเข้ามาโคราชอย่างมหาศาล สิ่งเหล่านี้เรียกว่า Soft Power เช่น วัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยว หากนำมาปรุงแต่งให้เหมาะสม จะกลายเป็นกำลังทางเศรษฐกิจให้กับเมืองและประเทศชาติ”

จากนั้น เป็นการเลือกตั้งกรรมการสรรหาผู้สมัครเลือกตั้งของพรรค จำนวน ๑๒ ตำแหน่ง โดยนายเทวัญ ลิปตพัลลภ เสนอรายชื่อกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง สัดส่วนจากกรรมการบริหารพรรค ได้แก่ ๑.พลเอกฐิติวัจน์ กำลังเอก ๒.นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ๓.นายดล เหตระกูล ๔.พ.ต.อ.พณาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราช ๕.นายปกครอง ผาสุขยืด และ ๖.นายอรัญ พันธุมจินดา             

ต่อมา นางสาวรัชฎา ใจกล้า เสนอรายชื่อกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง สัดส่วนจากหัวหน้าสาขาพรรค ได้แก่ ๑.นายอุทัย มิ่งขวัญ สาขาพรรคชาติพัฒนาลำดับที่ ๑ ภาคอีสาน ๒.นางบุษรา เสนะวีณิน สาขาพรรคชาติพัฒนาลำดับที่ ๓ ภาคกลาง ๓.นายนวพรรษ สุวรรณสุนทร สาขาพรรคชาติพัฒนาลำดับที่ ๓ ภาคใต้ และ ๔.นายประสาท ตันประเสริฐ สาขาพรรคชาติพัฒนาลำดับที่ ๔ ภาคเหนือ และนายสมศักดิ์ กาญจนวัฒนา (กำนันเบ้า) เสนอรายชื่อกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง สัดส่วนจากตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ๑.นางสุทิน ชาติพุดซา ตัวแทนพรรคชาติพัฒนาประจำจังหวัดนครราชสีมา เขตเลือกตั้งที่ ๒ และ ๒.นายเชิด ดวงมาลี ตัวแทนพรรคชาติพัฒนาประจำจังหวัดนครราชสีมา เขตเลือกตั้งที่ ๓

ซึ่งผลการเลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้รับสมัครรับเลือกตั้ง พรรคชาติพัฒนา ได้แก่ คนที่ ๑ พลเอกฐิติวัจน์ กำลังเอก ๒๗๓ คะแนน คนที่ ๒ นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ได้ ๒๖๘ คะแนน คนที่ ๓ นายดล เหตระกูล ๒๖๘ คะแนน คนที่ ๔ พ.ต.อ.พณาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราช ๒๖๘ คะแนน คนที่ ๕ นายปกครอง ผาสุขยืด ๒๖๘ คะแนน คนที่ ๖ นายอรัญ พันธุมจินดา ๒๖๘ คะแนน คนที่ ๗ นายอุทัย มิ่งขวัญ ๒๖๘ คะแนน คนที่ ๘ นางบุษรา เสนะวีณิน ๒๖๘ คะแนน คนที่ ๙ นายนวพรรษ สุวรรณสุนทร ๒๖๘ คะแนน คนที่ ๑๐ นายประสาท ตันประเสริฐ ๒๖๘ คะแนน คนที่ ๑๑ นางสุทิน ชาติพุดชา ๒๖๙ คะแนน และคนที่ ๑๒ นายเชิด ดวงมาลี ๒๖๙ คะแนน โดยมีผู้มาใช้สิทธิ์ทั้งหมด ๒๘๐ คน บัตรดี ๒๗๕ ใบ (คิดเป็น ๙๘.๒๑%) บัตรเสีย ๔ ใบ (คิดเป็น ๑.๔๓%) และมีผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนน ๑ ใบ (คิดเป็น ๐.๓๖%)


นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๗ ฉบับที่ ๒๗๐๗ วันพุธที่ ๑๕ - วันอังคารที่ ๒๑ เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔


1003 1623