29thMarch

29thMarch

29thMarch

 

September 30,2022

‘สุวัจน์-กรณ์’ชื่นมื่น ผสม‘ชาติพัฒนากล้า’ ขยายฐานทั่วประเทศ

 

ประชุมใหญ่พรรคชาติพัฒนา รีแบรนด์สู่ “ชาติพัฒนากล้า” ตั้ง ‘กรณ์ จาติกวณิช’ เป็นกรรมการบริหาร พร้อมนำทัพอดีตสมาชิกพรรคกล้ากว่า ๘๐ คน เสริมทีมเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง ลบภาพพรรคท้องถิ่น ขยายฐานเสียงสู่ทั่วประเทศ ด้าน ‘สุวัจน์’ ย้ำจะทำให้ดีที่สุด ยืนยันคำเดิม “คัมแบ็กแน่นอน”


เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๕ เวลา ๑๐.๓๐ น. ที่โรงแรมแคนทารี โคราช นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา พร้อมด้วย นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ที่ปรึกษาพรรคฯ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคฯ นายประสาท ตันประเสริฐ รองหัวหน้าพรรคฯ นายดล เหตระกูล รองหัวหน้าพรรคฯ นายวัชรพล โตมรศักดิ์ เลขาธิการพรรคฯ และสมาชิกพรรค กว่า ๓๕๐ คน ร่วมประชุมใหญ่วิสามัญพรรคชาติพัฒนา ครั้งที่ ๑/๒๕๖๕

โดยมีระเบียบวาระการประชุมสำคัญดังนี้ วาระที่ ๓ เรื่องเพื่อทราบ รายงานเรื่องการแต่งตั้งนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคด้านเศรษฐกิจ วาระที่ ๔ เรื่องเพื่อพิจารณา พิจารณาการปรับปรุงภาพลักษณ์องค์กรพรรคชาติพัฒนา และพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับพรรคชาติพัฒนา พ.ศ.๒๕๖๕ โดยที่ประชุมมีมติเปลี่ยนชื่อพรรคเป็นพรรคชาติพัฒนากล้า วาระที่ ๕ เรื่องการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคแทนตำแหน่งที่ว่าง โดยเลือกนายยุทธนา วิริยะกิตติ และนายอดุลย์ เลาหพล เป็นรองหัวหน้าพรรคฯ นายกรณ์ จาติกวณิช เป็นกรรมการบริหารพรรคฯ และนายสมบัติ กาญจนวัฒนา เป็นรองเลขาธิการพรรคฯ และวาระที่ ๖ เรื่องการเลือกตั้งกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง ซึ่งมีมติเลือกนายวัชรพล โตมรศักดิ์

เปิดตัวสมาชิกพรรครุ่นใหม่

จากนั้น เวลาประมาณ ๑๓.๓๐ น. นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา ได้เปิดตัว นายกรณ์ จาติกวณิช กรรมการบริหารพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตหัวหน้าพรรคกล้า พร้อมด้วยนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี นายวรวุฒิ อุ่นใจ และอดีตสมาชิกพรรคกล้า กว่า ๔๐ คน ที่ย้ายมาเป็นสมาชิกพรรคชาติพัฒนากล้า โดยมีสมาชิกพรรคฯ ร่วมให้การต้อนรับอย่างคึกคัก พร้อมมอบดอกไม้เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงานด้านการเมืองต่อไป

นายกรณ์ กล่าวว่า “นับตั้งแต่วันที่ผมได้จับมือกับพี่สุวัจน์ ก็มีประชาชนทั่วประเทศให้ความสนใจมาตลอด เพราะทุกคนต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง นี่คือภาระหน้าที่ของนักการเมือง เพราะประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ผมเคยทำงานร่วมกับพรรคชาติพัฒนา ทั้ง นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และขณะนั้นผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง เราทำงานใกล้ชิดกันมาก นพ.วรรณรัตน์ฯ เก่งมาก สามารถแก้ปัญหาน้ำมันแพง และบริหารกองทุนน้ำมันจากที่ติดลบแสนล้าน ให้กลับมาเป็นบวก และเคยทำงานในสภาร่วมกับนายเทวัญ ลิปตพัลลภ ผมมั่นใจไม่มีนักการเมืองคนไหนในสภาที่จะทำงานฝ่าด่านความขัดแย้งได้ดีเท่ากับนายเทวัญฯ ดังนั้น สิ่งที่ผมสัมผัสได้ในการร่วมมือกับพรรคชาติพัฒนา ตลอดระยะเวลา ๑๐ ปี คือ วัฒนธรรมการให้ความสำคัญกับผลของงาน เป็นอุดมการณ์เดียวกันกับพวกผม ที่ได้ก่อตั้งพรรคกล้าขึ้นมา คือ ยึดความสำคัญของการลงมือทำ แต่จะคิดดีทำจริงอย่างไร ก็ขาดความกล้าไม่ได้ ทุกความเปลี่ยนแปลงต้องอาศัยความกล้า และในวันนี้ที่ประชุมมีมติเปลี่ยนแปลงชื่อพรรคการเมือง เรื่องนี้ก็อาศัยความกล้า เมื่อนำความกล้ามารวมกับประสบการณ์ทางการเมือง จะทำให้เราสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประชาชนอย่างที่รอคอยได้ วันนี้สมาชิกพรรคและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคกล้า ได้มารวมตัวที่นี่แล้ว และขอขอบคุณที่ต้อนรับพวกเราด้วยความอบอุ่น ขอให้มั่นใจว่า เราจะทุ่มเทเต็มที่ เพื่อไม่ให้เพื่อนสมาชิกผิดหวัง และเป็นไปตามความคาดหวังของประชาชนที่มีต่อเราด้วย”

นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ กล่าวว่า “ผมมีความตั้งใจที่จะพูดถึงหลายเรื่อง โดยเฉพาะการกลับมาทำงานในบ้านเกิด มีคนเคยถามผมว่า สนิทกับนายสุวัจน์ฯ มากแค่ไหน จะสนิทหรือไม่ก็แล้วแต่ แต่นายสุวัจน์ฯ เคยโทรมาปลุกผมตอนตีสาม เพื่อแต่งตั้งให้ผมเป็น รมช.พาณิชย์ ในนามพรรคชาติพัฒนา ผมเคยสมัคร ส.ส.เขตอำเภอเมือง แต่เวลาหาเสียงก็ไปอำเภอบ้านเหลื่อม เห็นน้ำแล้งที่ขามสะแกแสง เห็นดินเค็มที่ขามทะเลสอ ส่วนครั้งนี้ได้รับผิดชอบงานด้านเศรษฐกิจ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ต้องเข้าใจปัญหาของประชาชนในแต่ละพื้นที่ สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ คือ ราคาข้าวของแพงขึ้น แต่เงินเดือนไม่เพิ่มขึ้น งานดีๆ ก็หายาก เป็นความทุกข์ทางเศรษฐกิจ ผมดีใจมากที่ได้กลับมาทำงานที่บ้านเกิดทางการเมืองอีกครั้งหนึ่ง”

เกิดการเปลี่ยนแปลงแน่นอน

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี กล่าวว่า “ผมอึดอัดมาเป็นเวลา ๑ เดือนแล้ว ช่วงแรกนายกรณ์ฯ ลาออกจากพรรคกล้าก่อน หลายคนคงคิดว่านายกรณ์ฯ ทิ้งเพื่อนหรืออุดมการณ์หรือไม่ แต่ ๒ ปีที่ผ่านมา เราทำการเมืองกันแบบใหม่ คือ รวมนักธุรกิจ นักเทคโนโลยี ที่มีความชำนาญหลายคน ทุกคนเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็นข้าราชการระดับสูง ลาออกเพื่อมาร่วมอุดมการณ์กับพวกเรา วันนี้มีคนถามว่า นาย กรณ์ฯ มาพรรคชาติพัฒนาคนเดียวหรือไม่ ผมยืนยันว่า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคกล้าทุกคน จะมาช่วยกันสร้างพรรคชาติพัฒนากล้า เรามีเครือข่ายครบทุกที่ทุกจังหวัด จากการรวมพลังเป็นพรรคที่ใหญ่ขึ้น จะทำให้มีความชำนาญทางการเมือง ด้านเศรษฐกิจ ย่อยง่าย สื่อสารตรงๆ หมัดน็อกอย่างเดียว เที่ยวหน้าการเมืองได้เห็นการเปลี่ยนแปลงแน่นอน”

นายวรวุฒิ อุ่นใจ กล่าวว่า “ผมขอพูดแทนคนที่เพิ่งมาทำงานทางการเมือง ซึ่งในอดีตพรรคกล้ามีหลายคนที่ไม่เคยทำงานการเมืองมาก่อน บางคนอายุเพิ่งจะผ่านเกณฑ์สมัคร ส.ส. ผมมีความมั่นใจว่า เมื่อเรามารวมกันที่พรรคชาติพัฒนากล้า สิ่งที่พวกเราฝันหรือหวังจะทำให้เป็นจริงกับคนไทยทั้งประเทศได้มากและง่ายขึ้น”

นายกรณ์ จาติกวณิช, นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ, นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี และนายวรวุฒิ อุ่นใจ

 

รีแบรนด์พรรค

ต่อมาเวลาประมาณ ๑๔.๒๐ น. มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา พร้อมด้วยนายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคฯ นายวัชรพล โตมรศักดิ์ เลขาธิการพรรคฯ นาย กรณ์ จาติกวณิช กรรมการบริหารพรรคฯ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานยุทธศาสตร์พรรคด้านเศรษฐกิจ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี และนายวรวุฒิ อุ่นใจ สมาชิกพรรค

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ กล่าวว่า “วันนี้มีการประชุมใหญ่พรรคชาติพัฒนา ซึ่งนายเทวัญ ลิปตพัลลภ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า พรรคฯ ได้แต่งตั้งนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคด้านเศรษฐกิจ จากนั้นที่ประชุมใหญ่ สมาชิกมีมติเห็นชอบให้นายวัชรพล โตมรศักดิ์ เป็นกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง และเห็นชอบบุคคลสำคัญอีก ๔ คน แทนตำแหน่งที่ว่างลง คือ แต่งตั้งนายยุทธนา วิริยะกิตติ และนายอดุลย์ เลาหพล เป็นรองหัวหน้าพรรคฯ นายกรณ์ จาติกวณิช เป็นกรรมการบริหารพรรคฯ และนายสมบัติ กาญจนวัฒนา เป็นรองเลขาธิการพรรคฯ”

“หลังจากที่ทราบกันว่า นายกรณ์ จาติกวณิช ได้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติพัฒนา โดยจะช่วยรับผิดชอบงานด้านเศรษฐกิจ แต่เพื่อให้ทีมเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง ก็ได้เชิญชวนทีมงานที่มีความรู้มาทำงานเป็นทีมเศรษฐกิจของพรรค วันนี้มาร่วมแล้วประมาณ ๔๐ คน แต่ยังเหลืออีกประมาณ ๔๐ คน ที่ยังอยู่ในขั้นตอน รวมทั้งหมดกว่า ๘๐ คน จากนี้พรรคชาติพัฒนาก็จะมีความแข็งแกร่งและมั่นคงด้วยบุคลากรทางด้านเศรษฐกิจ และเรื่องสำคัญที่มีการพูดคุยในที่ประชุมใหญ่ คือ การรีแบรนด์พรรค เป็นการสร้างภาพลักษณ์องค์กรใหม่ ทั้งเรื่องการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ชัดเจน เข้าถึงประชาชนได้ง่าย เรื่องคำขวัญต่างๆ ให้ตรงกับนโยบายพรรค ซึ่งสมาชิกกว่า ๓๐๐ คน ที่มาร่วมประชุมก็เห็นด้วยว่า ต้องมีการรีแบรนด์พรรคในหลายเรื่อง โดยเฉพาะการเปลี่ยนชื่อพรรค เพื่อให้มีความชัดเจนและแตกต่างกับพรรคการเมืองอื่น หลายคนยังชอบชื่อว่าพรรคชาติพัฒนา แต่ต้องการให้ชัดเจนว่าเป็นของคนโคราช และสอดคล้องกับการเปลี่ยนกติกาเลือกตั้ง ใช้บัตรเลือกตั้ง ๒ ใบ ซึ่งการมีบัตรเลือก ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทำให้การเปลี่ยนชื่อจึงมีการตอบโจทย์และไม่ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสับสน”

โหวต “ชาติพัฒนากล้า”

นายสุวัจน์ กล่าวว่า “คำว่า พรรคชาติพัฒนา มีความหมายดี คงเอาไว้ แต่ต้องการปรับปรุงให้ชัดเจน แต่คงความมุ่งหมายการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไว้ ทั้งนี้มีคนเสนอชื่อหลากหลาย คือ ชาติพัฒนาเศรษฐกิจ, กล้าชาติพัฒนา, พัฒนากล้า, ชาติพัฒนาไทย, กล้าพัฒนาชาติ, ชาติกล้า, พัฒนาทั้งชาติหรือพัฒนาตลอดชาติ (นายสุวัจน์หัวเราะ) ซึ่งสมาชิกพรรคร่วมเสนออย่างตั้งใจพร้อมให้เหตุผล จึงขอมติที่ประชุม ต้องการรีแบรนด์เริ่มต้นที่กระบวนการต่อเติมชื่อ เพื่อให้ชัดเจน และไม่สร้างความสับสนในความรู้สึกประชาชนต่อชื่อพรรค สะท้อนถึงบัตรใบที่สองตามกลไกเลือกตั้งที่แก้ไข และจากการลงมติเลือก ปรากฏว่า ชื่อที่ได้คะแนนสูงสุด คือ พรรคชาติพัฒนากล้า ได้๒๕๙ คะแนน จากผู้ร่วมประชุมกว่า ๓๐๐ คน จึงเป็นมติเอกฉันท์ในการเปลี่ยนชื่อ และการรีแบรนด์ครั้งนี้คือความมุ่งมั่นที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหา โดยมีความกล้า ดังนั้น ชาติพัฒนากล้าไม่ใช่กล้าอย่างเดียว แต่กล้าด้วยประสบการณ์ จึงจะทำให้การแก้ไขปัญหาต่างๆ สำเร็จ”

 

ไม่ได้ไปดูดใครมา

จากนั้น สื่อมวลชนถามว่า “หากมีพรรคการเมืองอื่นสนใจเข้าร่วมกับพรรคชาติพัฒนากล้า จะสามารถรับเข้ามาหรือไม่” นายสุวัจน์ฯ ชี้แจงว่า “พรรคชาติพัฒนากล้า ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองอื่นๆ ไม่ได้ไปยุ่งหรือเกี่ยวข้องใดๆ ส่วนนายกรณ์ฯ นั้นลาออกจากพรรคเดิม แล้วจึงมาร่วมงานกับพรรคชาติพัฒนากล้า ซึ่งเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถด้านเศรษฐกิจที่มีประโยชน์ต่อประเทศ จึงเชิญมาร่วมงานกับเรา เมื่อนาย กรณ์ฯ ลาออก ก็มีทีมงานบางส่วนที่ทำงานร่วมกันตามมาด้วย ดังนั้น พรรคชาติพัฒนากล้าไม่ได้ไปดูดใคร ดูดไม่เป็น ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคอื่นๆ เพียงแค่เชิญคนที่มีความรู้ความสามารถมาร่วมงาน เมื่อประสบการณ์ทางการเมืองกับความรู้ด้านเศรษฐกิจมารวมกัน ก็จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่อพรรคชาติพัฒนากล้า”

 

ต้องได้ ส.ส.มากเพื่อประโยชน์ ปชช.

เมื่อถามว่า “มีการวางเป้าหมายทางการเมืองไว้อย่างไร” นายสุวัจน์ฯ ตอบว่า “ครั้งนี้ไม่ใช่การรวมพรรคการเมือง แต่เป็นการเชิญชวนนายกรณ์ฯ มาร่วมงาน และมีการปรับปรุงชื่อพรรคตามมติการรีแบรนด์ใหม่ เป้าหมายหลังจากนี้ คือ การขยายฐานและเตรียมตัวสู่การเลือกตั้ง เพื่อให้ได้ ส.ส.มากที่สุด เพื่อมีกำลังเพียงพอในการกู้วิกฤตเศรษฐกิจ เพราะถ้าเสียงน้อยกำลังน้อยทำอะไรก็ลำบาก แต่ถ้าพรรคฯ ประสบความสำเร็จ เหมือนสมัยน้าชาติ ที่ได้มากถึง ๖๐ เสียง ได้ทำความยิ่งใหญ่และประโยชน์ให้กับประเทศไทย ดังนั้น เราก็ต้องการบรรยากาศเดิมๆ กลับมา โดยหวังให้ได้ ส.ส.มากเพียงพอที่จะผลักดันนโยบายต่างๆ เดี๋ยวอีก ๒-๓ วัน นายเทวัญฯ ก็จะเลือกประชุมกรรมการบริหาร เพื่อเตรียมการทำงาน เข้ามาก็ทำงานทันที ส่วนความคาดหวังว่าจะได้กี่เสียงประเมินยากว่าจะได้เท่าไร และเร็วเกินไป โดยต้องรอการพิจารณารายละเอียด เช่นการทำโพล จังหวะการยุบสภา และมั่นใจอย่างที่ผมพูดเสมอว่า คัมแบ็กแน่นอน จะทำให้ดีที่สุด”

 

ขยายฐานให้เข้มแข็ง

เมื่อถามถึงการประเมินสถานการณ์ทางการเมืองและจังหวะยุบสภา นายสุวัจน์ฯ กล่าวว่า “ไม่กังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองหากมีการเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นโค้งสุดท้ายและต้องนำไปสู่การเลือกตั้ง การเลือกตั้งเป็นทางออกที่ดีให้ประเทศ หากเลือกตั้งเร็วก็ดี หากตามครบกำหนดไม่มีปัญหา ส่วนอุบัติเหตุทางการเมืองหากเกิดขึ้นขอให้อยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตย การเลือกตั้งจะสร้างความมั่นใจ ในโค้งสุดท้ายเตรียมตัว เลือกตั้งวันไหน อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ไม่กังวล หากเลือกตั้งเร็วหรือจะเลือกตั้งตามกรอบเดิม ผมมองว่าการเลือกตั้งคือ  คำตอบของการแก้ปัญหาบ้านเมือง ทั้งนี้การรวมบุคลากรเข้าด้วยกันเชื่อว่าจะขยายฐานพรรคชาติพัฒนากล้าให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น”

 

รวมพลังแก้ไขปัญหา

“โคราชคนอีสาน” ถามว่า “ในการรวมทีมกันนั้น เป้าหมายสำคัญของพรรคชาติพัฒนากล้า ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปคือ โคราชและกรุงเทพฯ ใช่หรือไม่ เพราะชาติพัฒนามีฐานหลักที่โคราช ส่วนพรรคกล้ามีฐานหลักที่กรุงเทพฯ” นายสุวัจน์ฯ กล่าวว่า “ในการร่วมกันทำงานของทั้ง ๒ พรรค นายกรณ์ฯ นายอรรถวิชช์ฯ ก็มีฐานที่กรุงเทพฯ ชาติพัฒนามีฐานที่โคราช เมื่อรวมกันก็จะเป็น ๒ ฐานที่เข้มแข็งในการรองรับการเติบโตของพรรคชาติพัฒนากล้า ต่อไป”

นายกรณ์ ชี้แจงว่า “ผมบอกกับสมาชิกพรรคกล้าว่า เป้าหมายของการร่วมทีมครั้งนี้ คือ การแก้ไขปัญหาให้ประชาชน และทำให้เรามีพลังมากขึ้นในการจะขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ให้ประชาชนมีโอกาสสัมผัส นี่คือสาเหตุและเป้าหมายหลักในการทำงานของเรา ด้วยตำนานและประสบการณ์ของพรรคชาติพัฒนาจะมาเสริมความเป็นรุ่นใหม่ของเรา ที่ทำให้มีโอกาสได้ทำงานให้ประชาชน เป้าหมายของผม คือ คนรุ่นใหม่ ที่วันนี้ขาดความหวังขาดโอกาส ดังนั้น หน้าที่ คือ ทำให้เขามีโอกาสและความหวัง คนวัยทำงานเดือดร้อนมาก คนชั้นกลางถูกเบียดพื้นที่ไปหมด จนไม่สามารถเรียกตัวเองว่าชนชั้นกลางได้อีกแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะทำให้ทุกคนมีชีวิตที่มั่งคั่งและมั่นคง การแก้ปัญหาไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ อย่างที่ถามว่าจะกรุงเทพฯ หรือโคราช แต่วันนี้คนจากภาคใต้ก็มาร่วมทีม การรวมพลังครั้งนี้ คือ สร้างโอกาสที่จะทำให้เราทำงานให้กับประชาชนได้ดีมากขึ้น”

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา

 

‘เทวัญ’ยังเป็นหัวหน้าพรรค

เมื่อถามถึงการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา นายสุวัจน์ฯ กล่าวว่า “การประชุมวันนี้ (๒๖ กันยายน ๒๕๖๕) ยังเป็นไปตามโครงสร้าง คือ นายเทวัญฯ เป็นหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า นายกรณ์ฯ เป็นกรรมการบริหารพรรค ส่วนอนาคตจะมีโอกาสหรือไม่ เป็นเรื่องของอนาคต” ขณะที่การกำหนดบุคคลที่จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีนั้น ยังไม่ได้หารือ

 

พร้อมจับมือทุกฝ่าย

ท้ายสุดเมื่อถามว่า “จะร่วมกับพรรคอื่นที่ชูประเด็นแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง เช่น พรรคสร้างอนาคตไทย ของนายอุตตม หรือพรรครวมไทยสร้างชาติ ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หรือไม่” นายสุวัจน์ฯ ชี้แจงว่า “ไม่ได้คุยกัน แต่พร้อมพูดคุยกับทุกฝ่าย เพื่อทำให้เกิดการประนีประนอม พร้อมพูดคุยกับพรรคการเมืองอื่น ถือว่าแลกเปลี่ยนความเห็นก่อให้เกิดความร่วมมือแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง หากพรรคการเมืองแลกเปลี่ยนความเห็น ก็จะลดความขัดแย้งทางการเมือง โดยพรรคชาติพัฒนาพร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นทางการเมือง รวมถึงการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างมิตรภาพที่ดีทางการเมือง เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเมือง มองว่าจำเป็นให้การแก้ไขวิกฤตประเทศสำเร็จ ”

นายกรณ์ จาติกวณิช

ในขณะที่นายกรณ์ฯ ชี้แจงว่า “ใครที่มีแนวคิดมีความคิดเห็นทางการเมืองตรงกับเรา ต้องการมาร่วมงานที่พรรคชาติพัฒนากล้า ก็ยินดีต้อนรับเสมอ หากถามถึงอนาคตหลังเลือกตั้ง เป้าหมายสำคัญ คือ ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น หากทุกคนเห็นตรงกัน โอกาสร่วมมือกันแก้ปัญหาต้องเกิดขึ้นแน่นอน ส่วนก่อนเลือกตั้ง ใครที่มีฝืมือช่วยเสริมกำลังให้กับพรรคฯ ได้ก็ยินดีต้อนรับ คนที่จะมาทำงานต้องมีทุกวัย เพราะเรื่องเศรษฐกิจและปัญหาสังคมมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เราให้โอกาสเต็มที่ในการแสดงความคิดเห็น ดังนั้น ใครที่มีความตั้งใจอยากจะทำงานกับพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมต้อนรับเสมอ”


นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๘ ฉบับที่ ๒๗๔๕ วันพุธที่ ๒๘ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕


989 1612