7thDecember

7thDecember

7thDecember

 

March 23,2023

ยึดทรัพย์‘รอง นพ.สสจ.โคราช’ พบเงินหมุนเวียน ๕๐ ล้าน พัวพันจัดอบรมสัมมนาทิพย์

 

โคราชแถลงบุกค้น ๔ จุด รอง สสจ.นครราชสีมาพัวพันทุจริตจัดอบรมทิพย์ อายัดทรัพย์กว่า ๒ ล้าน พบเงินหมุนเวียนในบัญชี ๕๐ ล้าน เตรียมขยายผลจับกุมเครือข่ายผู้ร่วมขบวนการ เผยยังไม่ใช่ผู้ต้องหา พร้อมให้ความเป็นธรรม ให้โอกาสพิสูจน์ที่มาของเงินใน ๓๐ วัน สธ.สั่งย้ายไปปฏิบัติงานเขตสุขภาพที่ ๙ และตั้งกรรมการสอบ

ตามที่เมื่อเวลาประมาณ ๐๗.๐๐ น. ของวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๖ นายปิยะ ศรีวิกะ ผู้อำนวยการกองคดี ๒ สำนักงานป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) พร้อมด้วย พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้อำนวยการกองปราบปรามทุจริตในภาครัฐ ๒ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านพักของนายสันติ ทวยมีฤทธิ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา (รองนายแพทย์ สสจ.นครราชสีมา) เลขที่ ๙๙๙/๔๖ หมู่บ้านภูรินารา หมู่ ๒ ตำบลสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็น ๑ ใน ๔ จุดที่เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจค้นในครั้งนี้ โดยอีก ๓ จุดที่เข้าทำการตรวจค้น ประกอบด้วย บ้านพักของนายสันติ ทวยมีฤทธิ์ เลขที่ ๑๑๙ หมู่ ๑ ตำบลสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา, บ้านพักของนายสามารถ คงแก้ว เลขที่ ๑๙๔ หมู่ ๑ ตำบลหนองกระทุ่ม อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา และบ้านพักของนางนันทนา ประสิทธิ์ เลขที่ ๑๑๘/๑ ถนนเซนต์เมรี่ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา

พัวพันจัดสัมมนาทิพย์

โดยจากข้อมูลการตรวจสอบโครงการการจัดอบรมควบคุมป้องกันโรคของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา พบว่า ในช่วงตั้งแต่ปี ๒๕๖๒ มีโครงการจัดอบรมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตำบล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอ ๓๒ อำเภอของจังหวัดนครราชสีมา แต่ไม่มีการจัดอบรมจริง มีเพียงเอกสารโครงการที่เขียนระบุการจัดอบรมเพื่อเบิกเงินงบประมาณค่าสถานที่อบรม และค่าอาหาร โดยมีรายชื่อประชาชนในแต่ละพื้นที่เข้าร่วมอบรม แต่ผู้มีรายชื่อผู้เข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นผู้ลงลายมือชื่อในเอกสาร และไม่ได้เข้าร่วมโครงการ ซึ่งในบางพื้นที่พบว่ามีรายชื่อผู้เสียชีวิตอยู่ในผู้ร่วมอบรมด้วย และสถานที่ใช้จัดอบรมส่วนใหญ่ระบุว่าเป็นสถานที่ราชการ แต่หน่วยงานเจ้าของสถานที่ยืนยันว่าไม่มีการจัดโครงการ และไม่พบว่ามีหนังสือขอใช้สถานที่ในการอบรมแต่อย่างใด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นหาหลักฐาน เส้นทางการเงิน เพื่อดำเนินการอายัดทรัพย์สินในเบื้องต้น โดยรายละเอียดของการเข้าตรวจค้นในครั้งนี้จะมีการแถลงข่าวอีกครั้ง

แถลงค้นบ้าน-ยึดทรัพย์

จากนั้น เวลาประมาณ ๑๓.๓๐ น. ที่ห้องประชุม ชั้น ๒ สำนักงาน ป.ป.ท. เขต ๓ ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา มีการแถลงข่าวกรณีการเข้าตรวจค้น และยึดอายัดทรัพย์สินข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดโครงการอบรมทิพย์ จำนวน ๔ จุด ในพื้นที่ อ.เมืองนครราชสีมา โดยผู้แถลงประกอบด้วย นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นายเทพสุ บวรโชติดารา รักษาราชการแทนเลขาธิการ ป.ป.ง. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) นายศุภภิมิตร เปาริก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และนายปริญญา วิกุลศิริรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครราชสีมา ภายใต้แผนปฏิบัติการตรวจค้นคนสาธารณสุข เครือข่ายขบวนการจัดอบรมทิพย์ โครงการการจัดอบรมภายใต้ชื่อ “ควบคุมป้องกันโรคของสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา” ตั้งแต่ปี ๒๕๖๑-๒๕๖๒ พบการทุจริตหลายรูปแบบพร้อมดำเนินการ ยึดทรัพย์สินไปตรวจสอบหลายรายการ ทั้งรถยนต์ รถแทรกเตอร์ ทองรูปพรรณ พระเครื่อง กระเป๋าแบรนด์เนม แว่นตาเรย์แบน เงินสด เอกสารเบิกจ่ายเงิน และต้นขั้วเช็คเงินสด รวมมูลค่ากว่า ๒ ล้านบาท

ยึดทรัพย์ ๒ ล้าน

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ท. มีมติให้ไต่สวนข้อเท็จจริงการทุจริตจัดโครงการอบรมเท็จของสาธารณสุขอำเภอด่านขุนทด โดยจากพยานหลักฐานพบว่ามีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงถึงตัวการใหญ่ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สังกัดสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา พบทรัพย์สินต้องสงสัยหลายรายการ เช่น บ้านพักหรู รถยนต์ และเงินสด เป็นต้น ซึ่งเกินกว่าฐานานุรูปของข้าราชการตำแหน่งดังกล่าว สำนักงาน ป.ป.ท. จึงได้ขยายผล พบว่าสาธารณสุขอำเภออีก ๒๙ แห่ง มีพฤติการณ์จัดอบรมเท็จเช่นกัน และพบเส้นทางเชื่อมโยงบุคคลต้องสงสัย เบื้องต้นสร้างความเสียหายจากผลการทุจริตจัดอบรมเท็จเพียง ๑ โครงการ ประมาณกว่า ๔ ล้านบาท จึงได้กำหนดแผนปฏิบัติการตรวจค้นคนสาธารณสุข โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าทำการตรวจค้น และยึดอายัดทรัพย์สินของข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดอบรมทิพย์ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน ๔ จุด ในพื้นที่ อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา โดยสามารถยึดทรัพย์สินได้หลายรายการ มูลค่ารวมประมาณ ๒ ล้านบาท พร้อมแจ้งหน่วยงานต้นสังกัดให้ตรวจสอบดำเนินการทางวินัยต่อไป

มีชื่อคนตายร่วมเบิกเงิน

นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. เปิดเผยว่า ป.ป.ท.ได้รับเรื่องให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า มีบุคคลในหน่วยงานของรัฐอาจจะมีการใช้ตำแหน่งหน้าที่ทุจริต จึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานต่อการต้านทุจริตแห่งชาติดำเนินการ จากการตรวจสอบพบว่ามีเหตุอันควรให้เชื่อได้ว่ามีการทุจริตจริง และพบว่าเจ้าหน้าที่รายนี้ได้ทรัพย์สินมาโดยมิชอบ นอกจากนี้ยังพบผู้ร่วมขบวนการด้วย วันนี้เป็นครั้งแรกที่หน่วยงานด้านต่อต้านทุจริต ๔ ฝ่ายได้ร่วมปฏิบัติการภายใต้ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ

“ตั้งแต่รับเรื่องได้ดำเนินการตรวจสอบศึกษาแผนประทุษกรรม และร่องรอยเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับผู้กระทำความผิดจาก ๓๒ อำเภอ พบว่า ๒๙ อำเภอมีการกระทำในลักษณะเช่นนี้ ๗ โครงการ โดยพฤติการณ์แอบอ้างว่ามีการจัดอบรมสัมมนา มีการเบิกค่าเช่าที่ ค่าอาหาร ค่าเบี้ยเลี้ยง ทั้งที่ไม่มีการจัดอบรมใดๆ หนักสุดบางอำเภอใช้ชื่อผู้เสียชีวิตมาเบิกเงินด้วย” นายภูมิวิศาล กล่าว

เงินหมุนเวียนในบัญชี ๕๐ ล.

ทางด้านนายเทพสุ บวรโชติดารา รักษาราชการแทนเลขาธิการ ป.ป.ง. เปิดเผยว่า มีการยึดอายัดทรัพย์สินไว้ชั่วคราว มีทั้งบัญชีเงินฝาก รถแทร็กเตอร์ กระเป๋าแบรนด์เนม ซึ่งพบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดอีก รวม ๓๐ รายการ มูลค่า ๒ ล้านบาท พบเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า ๕๐ ล้านบาท มีคนเกี่ยวข้อง ๔ คน จะต้องตรวจสอบต่อไปว่า หากเข้าข่ายฟอกเงินต้องถูกดำเนินคดี เพราะเป็นอาญาแผ่นดิน โดยหลักฐานทางการเงินตอนนี้สิ้นสุดอยู่ที่ รอง สสจ.นครราชสีมา แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบต่อไป

ภายหลังการแถลงข่าว นพ.สุผล ตติยนันทพร นายแพทย์ สสจ.นครราชสีมา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดฯ ได้นำเอกสารหลักฐานเข้าพบเจ้าหน้าที่เพื่อชี้แจง โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนพบ และไม่ให้สัมภาษณ์

เป็นแค่ผู้ถูกสงสัย

ต่อมาวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๖ นพ.สุผล ตติยนันทพร นายแพทย์ สสจ.นครราชสีมา เปิดเผยถึงกรณีนี้ว่า ในส่วนของตนเองที่เป็นผู้บังคับบัญชานายสันติ ทวยมีฤทธิ์ ก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่งานปราบปราบการทุจริตอย่างเต็มที่ เพราะการปราบปรามการทุจริตถือว่าเป็นภารกิจที่หน่วยงานราชการทุกแห่ง ต้องถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่ทั้งนี้ก็ต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ซึ่งกรณีของนายสันติถือว่าเป็นผู้ถูกสงสัยเท่านั้น ยังไม่ถือว่าเป็นผู้ต้องหา ดังนั้น จึงยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ซึ่งตามระเบียบยังไม่สามารถปลดออกจากตำแหน่งหรือสั่งการให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่หลังจากนี้นายสันติต้องหาหลักฐานต่างๆ มาพิสูจน์ต่อ ป.ป.ง.ว่าเส้นทางการเงินทั้งหมด ได้มาโดยสุจริตจริงหรือไม่ โดยมีกรอบระยะเวลาในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ภายใน ๓๐ วัน ซึ่งตนมั่นใจว่าความจริงจะมีอยู่แค่หนึ่งเดียวเท่านั้น ถ้านายสันติมีหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ก็ต้องให้ความเป็นธรรมว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และปฏิบัติหน้าที่ต่อไป แต่ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด ทั้งคดีอาญาและความผิดทางวินัยร้ายแรง ซึ่งตนจะไม่ออกมาปกป้องผู้ใต้บังคับบัญชาที่กระทำผิดกฎหมายแน่นอน

ตั้ง กก.สอบข้อเท็จจริง

ด้าน นพ.ภูวเดช สุระโคตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ ๙ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้นกับนายสันติแล้ว โดยมีผู้เชี่ยวชาญระดับ สสจ.เป็นกรรมการ กำหนดสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุดภายใน ๑๐ วัน เนื่องจากเป็นเรื่องไม่ชอบมาพากล สร้างความเสียอย่างมากให้กับแวดวงสาธารณสุข ส่วนการกระทำของนายสันติ จะเกี่ยวโยงไปถึงใครระดับไหนด้วยหรือไม่ คงต้องรอผลการสอบข้อเท็จจริงก่อนว่าเป็นอย่างไร หากมีการเชื่อมโยงถึงใครก็จะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับผู้เกี่ยวข้องทุกราย ทั้งนี้ ได้รายงานเรื่องให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขรับทราบแล้ว

“เรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการทางคดีของหน่วยงานด้านการปราบปรามทุจริตแล้ว ดังนั้น ในทางคดีจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระทรวงฯ ผู้ต้องสงสัยต้องชี้แจงพิสูจน์ตนเองภายใต้กระบวนการยุติธรรม ส่วนการดำเนินการทางวินัยข้าราชการ ซึ่งกระทรวงฯ เป็นหน่วยราชการต้นสังกัดนั้น เบื้องต้น นายแพทย์ สสจ.นครราชสีมาได้รายงานข้อมูลมายังปลัดกระทรวงฯ แล้ว และจะต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาทางวินัยก่อนจึงจะสรุปได้ว่ามีความผิดทางวินัยราชการหรือไม่ โดยเริ่มจากการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง หากพบว่ามีมูลตามข้อกล่าวหา จะแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยต่อไป ซึ่งการพิจารณาส่วนหนึ่งจะใช้ข้อมูลจากการสืบสวนของตำรวจและเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ด้วย เมื่อได้ผลสรุปแล้ว คณะกรรมการจะรายงานต่อปลัดกระทรวงฯ โดยโทษทางวินัยราชการจะมี ๒ ระดับ คือ โทษวินัยไม่ร้ายแรง คือ ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน ลดขั้นเงินเดือน และโทษวินัยร้ายแรง คือ การปลดออกและไล่ออก” นพ.ภูวเดช กล่าวว่า

นพ.ภูวเดช กล่าวอีกว่า ระหว่างที่ตรวจสอบอาจมีคำสั่งไม่ให้ปฏิบัติงานที่มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในการสืบสวน รวมถึงอาจให้มีการตรวจสอบโครงการจัดอบรมในพื้นที่ย้อนหลัง ส่วนโครงการปัจจุบันให้ดำเนินการอย่างรัดกุม ไม่ให้ผิดหรือละเมิดระเบียบ ยืนยันว่า กระทรวงฯ ให้ความสำคัญกับการป้องกันและป้องปรามการทุจริต ตรวจสอบการดำเนินการต่างๆ ให้เป็นไปตามระเบียบ หากมีความผิด มีโทษทางราชการ จะเสนอเข้าสู่กระบวนการของ อ.ก.พ.สธ. ตัดสินเอาผิดทางวินัยต่อไป ทั้งนี้ ขอย้ำให้ข้าราชการและบุคลากรของกระทรวงฯ ทุกคน ทุกตำแหน่ง ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง ยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ

สั่งย้ายที่ทำงาน

ล่าสุดมีคำสั่งด่วน ลงวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๖ มาจากสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงนามโดย นพ.ภูวเดช สุระโคตร ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข รักษาราชการในตำแหน่งผู้ตรวจราชการฯ เขตสุขภาพที่ ๙ สั่งให้นายสันติ ทวยมีฤทธิ์ รองนายแพทย์ สสจ.นครราชสีมา หยุดปฏิบัติราชการที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา แล้วให้ไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานเขตสุขภาพที่ ๙ จ.นครราชสีมา (ตั้งอยู่แถวไนท์วัดบูรพ์ เมืองนครราชสีมา) จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

ส่วนกระบวนการทางคดีและทางวินัยอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูลทุกด้านอยู่ ซึ่งจะต้องให้ความเป็นธรรมผู้ต้องสงสัยหรือผู้ถูกกล่าวหาด้วย ถ้าข้อเท็จจริงมีมูล ผู้ตรวจราชการฯ เขตสุขภาพที่ ๙ จะมีข้อสั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยข้าราชการขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง เพื่อพิจารณาตัดสินโทษทางวินัยกันต่อไป แต่ถ้าสืบสวนแล้วข้อเท็จจริงไม่มีมูล แสดงว่า ข้อสงสัยนั้นตกไป ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ต้องสงสัย ก็เป็นผู้บริสุทธิ์

สำหรับการดำเนินโครงการจัดอบรมส่งเสริมสุขภาพ หรือแก้ไขปัญหาสุขภาพให้กับน้องประชาชน ตอนนี้ไม่ได้รับผลกระทบอะไร ยังเดินหน้าต่อตามปกติ รวมไปถึงโครงการที่ต้องมีการจัดซื้อจัดจ้าง ก็มีระเบียบปฏิบัติกำกับไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อตรวจสอบก่อนจะอนุมัติ ซึ่งหากมีการละเมิดกระทำผิดระเบียบปฏิบัติ ก็จะไม่อนุมัติโครงการฯ

พร้อมให้ความเป็นธรรม

นพ.ภูวเดช กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ต้องขอให้พี่น้องประชาชนได้มั่นใจว่า ระบบการปฏิบัติงานสาธารณสุขยังเดินหน้าต่ออย่างแน่นอน เพราะในระบบจะมีระเบียบมีขั้นตอนปฏิบัติที่ชัดเจนเกี่ยวกับกับเรื่องการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน พี่น้องประชาชนจะไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนกระบวนการตรวจสอบความยุติธรรม รวมถึงการตรวจสอบการทุจริต ประพฤติมิชอบ เป็นกระบวนการธรรมาภิบาลของบ้านเมือง มีไว้เพื่อสร้างความสมดุล ไม่ให้มีใครละเมิด ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมาพร้อมให้ความร่วมมือสนับสนุนการดำเนินงานอย่างเต็มที่ ไม่ได้มองว่า กำลังถูกจับผิดหรือถูกตรวจสอบ ส่วนนายสันติตอนนี้กระบวนการตรวจสอบฯ ยังไม่ได้ข้อยุติ ยังไม่ได้พิพากษาตัดสินก็ต้องให้กำลังใจ และให้ความเป็นธรรม ให้มีโอกาสพิสูจน์ความบริสุทธิ์ด้วย

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๘ ฉบับที่ ๒๗๕๑ วันที่ ๑๕ เดือนมีนาคม - วันที่ ๑๔ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖


98 1,930