บอร์ดการรถไฟฯ ขยายเวลาก่อสร้างอุโมงค์มวกเหล็กและลำตะคอง รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ออกไปอีก ๑๘๑ วัน เหตุเวนคืนพื้นที่ล่าช้า พร้อมเสนอขอความเห็นชอบเวนคืนที่ดิน เดินหน้างานพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง เชื่อมโยงโครงข่ายการเดินทางและขนส่งระหว่าง ๓ ประเทศ ไทย–ลาว–จีน

เมื่อเร็วๆ นี้ การรถไฟแห่งประเทศ ไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ บอร์ด รฟท. มีมติเห็นชอบให้ขยายเวลาการดำเนินงานตามสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย (ระยะที่ ๑ ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา) สัญญาที่ ๓-๒ : งานโยธา สำหรับงานอุโมงค์ (มวกเหล็กและลำตะคอง) ออกไปอีก ๑๘๑ วัน จากเดิมที่จะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๘ โดยกำหนดวันสิ้นสุดสัญญาใหม่เป็นวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๘ พร้อมกับให้ปรับแผนการเชื่อมประสานงานก่อสร้างให้สอดคล้องกับการขยายสัญญาโดยผู้รับจ้างฯ ไม่สามารถเรียกร้องค่าใช้จ่าย หรือค่าทดแทนใดๆ รวมถึงไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากที่ปรึกษาฯ รวมทั้งการรถไฟฯ ไม่เสียประโยชน์ และไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินโครงการอื่นๆ แต่อย่างใด

สำหรับสาเหตุที่ต้องขยายเวลาออกไป เนื่องจากกการรถไฟฯ ส่งมอบพื้นที่ให้แก่ผู้รับจ้างก่อสร้างล่าช้าจากการเวนคืนพื้นที่ ซึ่งกระทบงานก่อสร้าง ๒ รายการ คือ งานก่อสร้างคันทางรถไฟระดับดิน ช่วง DK.134+765–DK.135+385 และงานก่อสร้างสะพานผาเสด็จ ๓ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน การรถไฟฯ ได้ส่งมอบพื้นที่เวนคืนทั้งหมดให้กับผู้รับจ้าง ๑๐๐% แล้ว พร้อมเร่งรัดให้ดำเนินงานให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลาที่ปรับใหม่ เพื่อให้โครงการสามารถเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่องและแล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด

ส่วนสัญญาที่ ๓-๒ งานโยธาสำหรับอุโมงค์ ช่วงมวกเหล็กและลำตะคอง มูลค่า ๔,๒๗๙,๓๐๙,๓๙๐ ล้านบาท ระยะทาง ๑๒.๒๓ กิโลเมตร ครอบคลุมงานก่อสร้างอุโมงค์ทางวิ่งรถไฟ ระยะทาง ๘ กิโลเมตร คันทางรถไฟระดับดิน ระยะทาง ๓.๒๗ กิโลเมตร โครงสร้างทางรถไฟยกระดับ ระยะทาง ๐.๙๖ กิโลเมตร รวมถึงอาคารและสิ่งปลูกสร้าง รองรับงานระบบรถไฟฟ้า ๔ แห่ง พร้อมถนนเชื่อมต่อ ซึ่งเริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๔ ปัจจุบันมีความคืบหน้า ๙๐.๙๔%

นอกจากนี้ บอร์ด รฟท. ยังให้ความเห็นชอบให้นำเรื่องเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในพื้นที่โครงการฯ เสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอไปยังคณะรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะที่ ๒ ช่วงนครราชสีมา–หนองคาย ประกอบด้วย พื้นที่บางส่วนของจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี และจังหวัดหนองคาย ที่ดิน จำนวน ๑,๙๙๑ แปลง เนื้อที่ประมาณ ๑,๓๔๕ ไร่ และสิ่งปลูกสร้าง ๑,๔๒๘ รายการ ด้วยวงเงิน ๑๒,๔๑๘.๖๑ ล้านบาท

ขณะที่ความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย–จีน ระยะที่ ๒ ช่วงนครราชสีมา–หนองคาย ได้รับมติเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ และคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดเตรียมเอกสารประกวดราคา 

โครงการดังกล่าว มีจุดเริ่มต้นหลังสถานีนครราชสีมา และสิ้นสุดที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง (ฝั่งไทย) รวมทั้งหมด ๕ สถานี ประกอบด้วย สถานีบัวใหญ่ สถานีบ้านไผ่ สถานีขอนแก่น สถานีอุดรธานี และสถานีหนองคาย มีศูนย์ซ่อมบำรุง (Deport) ๒ แห่ง ที่นาทา และเชียงรากน้อย ศูนย์ซ่อมบำรุงทาง (Maintenance Base) ๔ แห่ง ที่บ้านมะค่า หนองเม็ก โนนสะอาด และนาทา รวมถึงย่านเก็บตู้สินค้าและเปลี่ยนถ่ายสินค้า ๑ แห่ง ที่นาทา รวมระยะทางประมาณ ๓๕๗.๒๒  กิโลเมตร ถือเป็นโครงการยุทธศาสตร์การพัฒนาเส้นทางสายใหม่ One Belt One Road (OBOR) โดยจะเป็นการเชื่อมโยงโครงข่ายการเดินทางและขนส่งระหว่าง ๓ ประเทศ ไทย–ลาว–จีน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน พร้อมทั้งกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคต่างๆ ด้วยการเชื่อมโยงเมืองหลัก เมืองรอง และพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ ให้เข้าถึงกันอย่างไร้รอยต่อ

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๕๐ ฉบับที่ ๒๗๗๕ วันที่ ๑๕ เมษายน - วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๘