14thNovember

14thNovember

14thNovember

 

September 18,2019

แฉเงินอาหารกลางวัน นร.หาย พบครูการเงินอุบไว้ส่งค่างวดรถ

             ครูแฉ การเงินหักงบอาหารกลางวันเด็กเดือนละ ๔,๘๐๐ บาท ไปส่งงวดรถ ซ้ำถูกกดดันให้ลาออก ขณะครูการเงินที่ถูกกล่าวหายันไม่เป็นความจริง มีเอกสารหลักฐานเบิกจ่ายถูกต้อง พร้อมให้ตรวจสอบ ด้าน ผอ.ชี้เป็นความไม่เข้าใจกันของครู ไม่มีการทุจริตตามข่าว

 

             เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๒ ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนางมณีวรรณ (ขอสงวนนามสกุล) หรือครูแอ๊ด อายุ ๕๙ ปี ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน ตำบลบัวทอง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ว่า ครูฝ่ายการเงินในโรงเรียนหักเงินอาหารกลางวันเด็กที่ได้รับการอุดหนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหัวละ ๒๐ บาท ไปจ่ายค่างวดรถ แล้วปล่อยให้เด็กกินแบบอดๆ อยากๆ จึงได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง

             จากการสอบถามครูแอ๊ด พบว่า ครูในโรงเรียนมีน้อย จึงต้องหมุนเวียนกันรับผิดชอบดูแลเรื่องอาหารกลางวันเด็กนักเรียน แต่ระยะหลังช่วงที่ตนเข้าเวรทำอาหารกลางวัน ได้เบิกเงินกับครูที่รับผิดชอบเรื่องการเงินของโรงเรียน แต่กลับไม่ได้ครบตามจำนวน จึงไปสอบถามว่า เงินอาหารกลางวันเด็กหายไปไหนเดือนละ ๔,๘๐๐ บาท กลับถูกต่อว่าและถูกกดดันให้ลาออก และยังพยายามกล่าวหาว่า ช่วงที่ตนเองดูแลเรื่องอาหารกลางวันเด็ก กินเงินอาหารกลางวันของเด็กนักเรียน ทำให้เกิดความไม่พอใจ จึงออกมาเปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพราะต้องการปกป้องเด็กนักเรียนและศักดิ์ศรีของตน

             ครูแอ๊ด ยังบอกด้วยว่า “ตนสอนที่โรงเรียนแห่งนี้มานานกว่า ๓๐ ปี ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ทั้งการสอนหนังสือ และการได้มอบหมายให้รับผิดชอบเรื่องอาหารกลางวัน ซึ่งมีงบเฉลี่ยเดือนละ ๒๑,๐๐๐ บาท ก็นำไปจัดซื้อวัตถุดิบมาประกอบอาหารให้เด็กรับประทานแบบเต็มอิ่ม บางวันก็เหลือ แต่ช่วงหลังได้ขอเบิกเงินค่าอาหารกลางวันกับครูฝ่ายการเงิน แต่ได้เงินมาไม่ครบหายไป ๔,๘๐๐ บาท จึงอยากให้มีการตรวจสอบว่าเงินหายไปจริงหรือไม่ หากผลสอบออกมาเป็นอย่างไรตนก็พร้อมยอมรับ ยืนยันว่าไม่ได้เจตนากล่าวหาใคร แต่ในเมื่อตนถูกปักปำและถูกกดดันจึงจำเป็นต้องออกมาเปิดเผย”

             ด้านนางพึงพิศ (ขอสงวนนามสกุล) ครูชำนาญการพิเศษที่รับผิดชอบเรื่องการเงินโรงเรียน ออกมายืนยันว่า “ตนได้เบิกจ่ายงบอาหารกลางอย่างถูกต้องมีเอกสารหลักฐานชัดเจน พร้อมให้ตรวจสอบทั้งปัจจุบันและย้อนหลัง ทั้งยืนยันว่า ไม่เคยหักเงินค่าอาหารกลางวันเด็กไปจ่ายค่างวดรถตามที่ถูกกล่าวหา และไม่ได้กดดันให้ครูแอ๊ดลาออก แต่ยอมรับว่าอาจจะมีความไม่เข้าใจกันบ้างตามปกติคนที่ทำงานร่วมกัน แต่ไม่คิดว่าเรื่องราวจะบานปลาย ขนาดนี้ ก็อยากขอความเป็นธรรมให้กับตนด้วย เพราะกรณีที่เกิดขึ้นทำให้ตนและโรงเรียนเสียหาย ส่วนเรื่องคุณภาพ และปริมาณอาหารกลางวันเด็ก ก็พร้อมให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานมาตรวจสอบได้ หรือจะสุ่มมาก็ได้ มั่นใจในความบริสุทธิ์”

             ทางด้านนายรังสรรค์ มโนปราณีต  ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวว่า “ปัญหาที่เกิดขึ้นก็รู้สึกไม่สบายใจ แต่จากการสอบถามก็ทราบว่า เป็นเรื่องที่สื่อสารกันไม่เข้าใจระหว่างครูในโรงเรียนเอง ส่วนเรื่องอาหารกลางวันตนก็ตรวจสอบเป็นประจำ ยืนยันว่ามีคุณภาพ และปริมาณเต็มอิ่ม โดยแต่ละวันจะมีข้าวเปล่า กับข้าว ๑ อย่าง แต่หากเด็กคนไหนกินไม่อิ่มก็สามารถเติมได้ นอกจากนั้นยังมีขนมหวาน หรือผลไม้ตามฤดูกาลในทุกมื้อด้วย แต่จากปัญหาที่เกิดขึ้นก็จะหาแนวทางแก้ไขเพื่อไม่ให้ ส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอน และเด็กนักเรียน รวมถึงเรื่องอาหารกลางวันของเด็กด้วย ส่วนเรื่องการตรวจสอบก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ”

             ล่าสุด นายพิพัฒน์ พุ่มยี่สุ่น  ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต ๑ ได้เดินทางไปยังโรงเรียนที่เกิดปัญหาด้วยตัวเอง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ก่อนจะรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับซึ่งจากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า ทางโรงเรียนมีนักเรียนอยู่จำนวน ๕๒ คน ได้รับเงินอุดหนุนค่าอาหารกลางวันจากทา

             องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหัวละ ๒๐ บาท คิดเป็นยอดเงินที่จะได้รับอุดหนุนจากทาง อบต.วันละ ๑,๐๔๐ บาท ด้วยงบประมาณที่มีจำกัด และครูก็มีน้อย ทางโรงเรียนจึงไม่ได้จ้างแม่ครัวมาประกอบอาหาร แต่ใช้วิธีมอบหมายให้ครูหมุนเวียนกันดูแลเรื่องอาหารกลางเด็กเอง ซึ่งที่ผ่านมาก็จะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาสุ่มตรวจเรื่องอาหารกลางวันเป็นระยะ 

             แต่ส่วนกรณีที่เกิดขึ้น จะมีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงตามขั้นตอน โดยจะมีการตรวจสอบระบบบัญชีเบิกจ่าย รายการจัดซื้ออาหารกลางวันทั้งปัจจุบันและย้อนหลังว่า มีความผิดปกติอะไรหรือไม่ ส่วนเรื่องคุณภาพ และปริมาณอาหาร ก็จะมีการสุ่มตรวจโดยจะไม่แจ้งล่วงหน้า ซึ่งก็ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบพอสมควร โดยยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายโดยจะคำนึงถึงประโยชน์ของเด็กนักเรียนเป็นสำคัญ ตามนโยบายของรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ อย่างไรก็ตามหากผลการตรวจสอบพบว่ามีการกระทำตามที่ร้องเรียนจริง ก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการขั้นตอน

 

นสพ.โคราชคนอีสาน ฉบับที่ ๒๕๙๔ วันพุธที่ ๑๘ - วันอังคารที่ ๒๔ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๒

 

 


912 1,574